Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 20 ต.ค. 2568

20 Oct 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นรับความกังวลสินเชื่อและการค้าที่คลี่คลาย
2. สหรัฐฯ-จีนเตรียมหารือเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่
3. IMF ชี้หวังคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
4. GDP จีน Q3 ชะลอต่ำสุดรอบปี จากปัญหาอสังหาฯ และ ความขัดแย้งทางการค้า
5. BOJ ยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยนโยบายก่อนประชุมเดือนตุลาคม
6. ญี่ปุ่นเตรียมตั้งรัฐบาลผสม LDP–พรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น
7. BOI เคาะมาตรการเร่งรัดการลงทุนตามนโยบาย Quick Big Win 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
20 October 2025

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยทั้ง Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวก หลังความกังวลด้านสินเชื่อในกลุ่ม Regional banks คลี่คลาย ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเพื่อเจรจาการค้า ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) และ Dollar index ปรับขึ้น ขณะที่ราคาทองคำย่อตัวจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลประกอบการ S&P 500 ไตรมาส 3 แข็งแกร่ง โดย 86% ของบริษัทที่รายงานมีผลดีกว่าคาดการณ์ นักลงทุนยังจับตาความเสี่ยงด้านสินเชื่อในสหรัฐฯ และทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน


2. สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตรียมเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อพบกับ เหอ หลี่เฟิง (He Lifeng) รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหลีกเลี่ยงการยกระดับภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าการขึ้นภาษีในระดับปัจจุบัน “ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว” โดย "ข้อตกลงหยุดยิงทางภาษี" (tariff truce)  ระหว่างสองชาติมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้


3. Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการ IMF แสดงความหวังว่าสหรัฐฯ และจีนจะผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของ Rare Earths ซึ่งจะส่งผลกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดย IMF คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2025 ที่ 3.2% สูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า แม้ยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีนำเข้าที่เปลี่ยนแปลง คณะกรรมการการเงินและการเงินระหว่างประเทศของ IMF (IMFC) แถลงเพิ่มเติมว่า หน่วยงานระหว่างประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก พร้อมสนับสนุนให้ธนาคารกลางทั่วโลกรักษาเสถียรภาพของราคาโดยใช้นโยบายที่ชัดเจนและอิงกับข้อมูลจริง นอกจากนี้ IMFC ยังเตือนว่าความเสี่ยงสำคัญที่ทั่วโลกต้องจับตา คือ การเติบโตที่ชะลอ หนี้ระยะยาวที่สูง ภาวะอากาศสุดขั้ว ความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ และปัจจัยใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร


4. GDP จีนไตรมาส 3 คาดโต 4.8% YoY ต่ำสุดรอบ 1 ปี จากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์และความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ กดดันอุปสงค์ทั้งภาคการผลิตและการบริโภค โดย คาด Q4 จะชะลอต่อเหลือ 4.3% ต่ำกว่าเป้าหมายรัฐบาลที่ 5% นักวิเคราะห์จาก Reuters มองว่ารัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย (LPR, Reverse Repo Rate) และใช้ Policy-based Financial Tools มูลค่า 500,000 ล้านหยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ช่วงปลายเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงสำคัญในการกำหนดแนวทางเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจจีนพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้น


5. Kazuo Ueda ผู้ว่าการ Bank of Japan (BOJ) ยังคงสงวนท่าทีเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Rate Hike) ก่อนการประชุม วันที่ 29-30 ตุลาคม โดยเน้นต้องรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม ท่ามกลางแรงกดดันจากคณะกรรมการ BOJ ที่มีแนวโน้มใช้นโยบายที่ตึงตัว (Hawkish) มากขึ้น หลังเงินเฟ้อ (Inflation) อยู่เหนือเป้าหมาย 2% ต่อเนื่อง 3 ปี และเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังรับมือกับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ได้ดี อย่างไรก็ตาม IMF เตือนให้ BOJ ค่อย ๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพราะความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ตลาดคาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นภายในมกราคมปีหน้า หากชะลอไปอาจเสี่ยงต่อการอ่อนค่าของเงินเยนและต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น


6. พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของญี่ปุ่น และพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น (Japan Innovation Party หรือ “อิชิน”) บรรลุข้อตกลงการจัดตั้ง “รัฐบาลผสม” ซึ่งจะมีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการในวันนี้ (20 ตุลาคม 2025) การร่วมมือครั้งนี้เปิดทางให้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ หัวหน้าพรรค LDP วัย 64 ปี ก้าวขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น โดยรัฐสภาจะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังพันธมิตรเดิมระหว่าง LDP และพรรคโคเมโตะ (Komeito) ล่มสลายเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังความเห็นต่างเรื่องการจัดการเงินทุนทางการเมือง 


7. BOI (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ออกมาตรการ “Quick Big Win” ภายใต้นโยบายของรัฐบาล เพื่อเร่งรัดและปลดล็อกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ยังไม่เริ่มดำเนินการจริง โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือนข้างหน้า รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท จากโครงการกว่า 70 โครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล (Data Center), อิเล็กทรอนิกส์, พลังงานไฟฟ้า และพัฒนานิคมฯ


ประเด็นที่ต้องติดตาม: GDP จีนไตรมาสที่ 3/2025 คาดการณ์ที่ 4.7% YoY ก่อนหน้าที่ 5.2% YoY

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5