ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปิดแบบผสมผสาน ปัจจัยหลักมาจากภาษีนำเข้าใหม่เริ่มบังคับใช้กับคู่ค้าเกือบ 200 ประเทศ ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยแตะระดับ 18.6% สูงสุดตั้งแต่ปี 1933 และข่าวการเสนอชื่อประธานกรรมการที่ปรึกษาเศรษฐกิจ (Stephen Miran) เป็นสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คอยหนุนตลาดวานนี้
กระแสเงินในวันที่ 6 ส.ค. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลก ในขณะที่เงินไหลออกจากหุ้น Growth และ EM 3) มีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มเทคโนโลยี 4) มีเงินไหลออกกลุ่มการแพทย์ 5) มีแรงขายในกลุ่มการเงิน 6) เห็นแรงขายในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
กลุ่ม Social Media อย่าง PINS และ SNAP เผยรายได้ดีกว่าคาด แต่หุ้นลงหลังกำไรผิดคาด โดยเฉพาะ SNAP ที่ขาดทุนเพิ่มเนื่องจากมีการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้น ด้วยภาพนี้ทำให้เราแนะอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่อย่าง META ที่มีสถานะทางการเงินที่มีความมั่นคง, มีความสามารถทางการแข่งขันและแนวโน้มเติบโตจาก Ads หลังมีการพัฒนา AI
กลุ่มยา GLP-1 อย่าง NVO และ LLY เผยงบโต แต่หุ้นลงหลัง 1) LLY เผยผลการทดลองยาเม็ดลดน้ำหนักตัวใหม่ orforglipron สะท้อนประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าตลาดคาด 2) NVO ปรับลดเป้าหมายการเติบโตปี 25 ลง ด้วยภาพนี้ทำให้เราไม่แนะนำลงทุนและมองว่ากลุ่มยา GLP-1 มีแนวโน้มโตชะลอตัวลงในระยะถัดไปหลังมีแรงกดดันจากการแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่
MNSTรายงานผลประกอบการไตรมาสสอง โดยรวมแข็งแกร่งกว่าคาด รายได้ทุบสถิติสูงสุด หนุนโดยยอดขายต่างประเทศ อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว เราประเมินว่า หากต้องการลงทุนในกลุ่ม F&B ด้วยภาพการเติบโตสูง มีการขยายตัวกำไรแกร่ง และมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะตัว ทำให้มีตำแหน่งทางการตลาดชัดเจนกว่า KO และ PEP เราจึงชอบ MNST ที่สุดในกลุ่ม
กลุ่มท่องเที่ยว (H, IHG, EXPE) รายงานผลประกอบการโดยรวมกำไรดีกว่าคาดทั้งหมด ด้าน RevPAR ของ H และ IHG มีการขยายตัวดีกว่าคาด ด้าน Gross Booking ของ EXPE เติบโตดีกว่าคาด แต่เรายังไม่แนะนำลงทุนในหุ้นดังกล่าว เนื่องจาก รายได้ในครึ่งหลังของปีมีความเสี่ยงที่จะถูกฉุดโดยเศรษฐกิจชะลอตัวและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตรที่อาจเร่งตัวขึ้น
SMIC และ Hua Hong Semiconductor ต่างรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดย SMIC มีรายได้เพิ่มขึ้น 16% และ Hua Hong เพิ่มขึ้น 18% แม้กำไรสุทธิของทั้งสองบริษัทจะลดลงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มใน 3Q25 ยังคงเป็นบวก ทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากความต้องการชิปภายในประเทศจีน เราแนะนำซื้อเมื่อราคาย่อตัว
China Mobile รายงานกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเติบโต 5% แม้รายได้รวมจะลดลงจากการอิ่มตัวของตลาดและจำนวนประชากรที่ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีโอกาสเติบโตจากเทคโนโลยี AI และการขยายฐานลูกค้า 5G นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้น ทำให้ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ