ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดทั่วโลกปรับลดลง 1.5% โดยตลาดได้โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้น ของกลุ่มเทคโนโลยีที่ตึงตัว การปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐที่นานกว่าที่คาดและยืดเยื้อ รวมถึงตัวเลขการปลดพนักงานในเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบกว่า 20 ปี แม้ว่าผลประกอบการในภาพรวมจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์
ภาพรวม –ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเผชิญแรงกดดันจากความผันผวนในหุ้นกลุ่ม AI ที่ปรับฐานหลังขึ้นแรงตลอดเดือนตุลาคม และการขาดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ (เช่น Payrolls) ทำให้ทิศทางตลาดขาดความชัดเจนระยะสั้น อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดปลายสัปดาห์ หลังสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจายุติ government shutdown ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เริ่มเห็นผล ขณะที่นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม หลังข้อมูลแรงงานภาคเอกชนและตัวชี้วัดตลาดแรงงานอื่น ๆ สะท้อนภาพการ “ชะลอตัวอย่างมีนัย”
กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (10 – 14 พ.ย.) เราแนะติดตาม 1) ความคืบหน้าการยุติชัตดาวน์สหรัฐฯ หากข้อตกลงผ่านในช่วงก่อนเทศกาล Thanksgiving จะเป็นแรงหนุนสำคัญของการฟื้นตัวของตลาดช่วงปลายปี 2) ข้อมูลยอดค้าปลีกและการผลิตอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีนคาดเติบโต YoY ชะลอเล็กน้อย แต่ยังสะท้อนแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในภาคการบริโภค 3) ผลประกอบการที่จะประกาศได้แก่ Allianz, Applied Materials, Bayer, Bridgestone, CoreWeave, Enel, Hapag-Lloyd, Hon Hai, Infineon, Merck, Nebius, Occidental Petroleum, PTT, Quanta Computer, Rocket Lab, Sea, Siemen, SingTel, SoftBank, Sony, Tencent, Vodafone, Walt Disney
เราประเมินว่าตลาดในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนตลาดยังคงอยู่ในช่วงรอความชัดเจนเชิงนโยบาย โดยตลาดจะให้น้ำหนักกับการเจรจายุติ government shutdown ของสหรัฐฯ ซึ่งหากมีข้อตกลงได้ภายในปลายเดือน พ.ย. จะเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของตลาด นอกจากนี้ประเมินว่าภาพรวมผลประกอบการจะยังคงออกมาดีและสนับสนุนการปรับตัวขึ้น ด้วยภาพนี้ทำให้เราแนะนำเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่คาดผลประกอบการออกมาดีและแนวโน้มเติบโต ในหุ้นต่างประเทศอย่าง CoreWeave, PonyAI และ DR อย่าง Tencent80, SMIC23, BABA23
