ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น นำโดยตลาดสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาดีกว่าคาด แม้ประเด็นความไม่แน่นอนทางภาษียังคงอยู่ จีนยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจากับสหรัฐฯ นอกจากนี้จีนยังคงเตรียมแผนตั้งรับต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาการประชุมโปลิตบูโรในช่วงสิ้นเดือนนี้ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
บทสรุป
กระแสเงินในวันที่ 22 เม.ย. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนมีความผันผวน มีแรงซื้อแต่ปริมาณไม่สูงมากนัก 3) มีแรงซื้อในตลาดยุโรปจากการเจรกับสหรัฐที่คืบหน้าและมีมาตรการภาครัฐสนับสนุน 4) มีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยี เริ่มมีแรงซื้อกลับในกลุ่ม Semiconductor 5) มีแรงขายในกลุ่มกำลังซื้อและกลุ่มพลังงานจากผลของการเติบโจของเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 6) มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กจากผลกระทบน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ 7) มีแรงซื้อในหุ้นธีม Growth เพราะตลาดต้องการการเติบโตในช่วงเวลาที่มีความผันผวน
ผลประกอบการกลุ่มยาโดยรวม Sanofi โดดเด่นสุดจากการเติบโตของ Dupixent และกำไรที่สูงขึ้น ส่วน Merck อ่อนแอสุดจากกำไรหดและปรับลดคาดการณ์ EPSทั้งสามบริษัทมี pipeline ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในโรคเรื้อรังและระบบประสาทแนะเลี่ยงกลุ่มยาในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนด้านภาษี และเน้นลงทุนในกลุ่ม Healthcare Services อย่าง HCA และ Tenet แทน
กลุ่ม Consumer Staples เผยงบอ่อนแอ รายได้หดตัวและเริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อตอบรับต้นทุนจาก Tariffบริษัทใหญ่ เช่น PG, PEP, Carrefour ปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2025 ขณะ Nestle เติบโตจากการขึ้นราคาแนะหลีกเลี่ยงกลุ่มนี้ชั่วคราว เนื่องจากแรงกดดันจากต้นทุนสูงและกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแอ
Alphabet รายงานงบ 1Q25 ดีกว่าคาด กำไรโต 45%YoY หนุนจาก Subscription, OPM และ Hedging Gainอย่างไรก็ตาม รายได้คลาวด์โตต่ำกว่าคาด และภาพรวมธุรกิจหลักออกมา In Lineแม้แนวโน้ม AI ยังสดใส แต่ยังแนะหลีกเลี่ยงกลุ่มเทคฯ ระยะสั้นจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบายและสงครามการค้า
INTC งบ 1Q25 ดีกว่าคาด หนุนจาก Data Center & AI แต่แนวโน้มยังเผชิญแรงกดดันจาก Tariff และข้อจำกัดส่งออกไปจีน ทำให้คาดการณ์ 2Q25 อ่อนแอกว่าคาด.
TSMC เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยี A16 ในปี 2026 และ A14 ในปี 2028 ต่อจาก 2 นาโนเมตรปลายปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการชิปขั้นสูงยังดึงดูดลูกค้าใหญ่เช่น Apple และ Nvidia และคาดรายได้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แตะ $1 ล้านล้านภายในสิ้นทศวรรษ เรายังแนะนำ TSMC ระยะกลาง-ยาวจากศักยภาพเติบโตตามเทคโนโลยี แนะจับตาท่าทีภาษีชิปสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
กลุ่มยานยนต์เริ่มฟื้นตัวจากเทคโนโลยี AI และระบบช่วยขับขี่ โดย Nidec และ Mobileye มีกำไรและรายได้ดีกว่าคาด Renesas และ STMicro ยังเผชิญแรงกดดันแต่มีแนวโน้มฟื้นตัวจาก AI และโอกาสเปลี่ยนซัพพลายเชนแม้หุ้นกลุ่ม Auto ฟื้นระยะสั้นจากข่าวภาษี แต่ยังแนะหลีกเลี่ยง ยกเว้น BYD ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม
เราคาดตลาดยังคงผันผวนในระยะสั้นจากปัจจัย Macro อย่าง Trade war มากกว่า Micro ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่จะประเมินท่าทีทรัมป์ ทำให้เราแนะติดตามทิศทางและเน้นตั้งรับเป็นสำคัญโดยแนะ 1) PM (TP: 157.1 USD) คาดงบดีกว่าคาดจากแรงซื้อเฉพาะตัวและมองผลกระทบ Tariff จำกัด 2) VZ (TP:157 USD) มองผลกระทบ Tariff จำกัดและมีความผันผวนกับเศรษฐกิจน้อย