ปัจจัยภายใน และภายนอกกดดันดัชนี | |||||||||||||||
คาด SET เผชิญปัจจัยกดดัน โดยปัจจัยภายนอกมีความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว ขณะที่ปัจจัยภายในกังวลด้านการเมือง เนื่องด้วยวันที่ 7 ส.ค. ศาลฯ นัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ทำให้คาดดัชนีปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1305 และ 1300 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1318 และ 1325 จุด ตามลำดับ | |||||||||||||||
ประเด็นสำคัญ | |||||||||||||||
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.14 แสน ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด ส่วนอัตราว่างงาน ก.ค. ที่ 4.3% สูงสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 64 สร้างความวิตกว่าตลาดแรงงานอ่อนแอ ศก. เสี่ยงถดถอย • ก. คลังของจีนเตรียมเพิ่มวงเงิน 3.5 หมื่นล้านหยวน ออกพันธบัตรรัฐบาลอายุยาวนานพิเศษชุดที่ 3 ของปีนี้ ในวันที่ 9 ส.ค. เป็นนโยบายการคลังเชิงรุกประจำปีนี้ ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาด • ติดตามสถานการณ์ใน ตอ. กลาง โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนระบุว่าความขัดแย้งกับอิสราเอลได้เข้าสู่เฟสใหม่แล้ว • Nvdia ระบุข้อบกพร่องในการออกแบบอาจทำให้การเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ล่าช้ามากกว่า 3 เดือน กระทบกับบรรดาลูกค้า Nvdia เช่น Meta Google Microsoft รวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านเหรียญ • วันนี้ติดตาม ธปท. แถลงช่วยกลุ่มเปราะบางยืดอายุเกณฑ์ผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต 8% อีก 1 ปี เพิ่มแรงจูงใจปิดหนี้เร็วขึ้น โดยให้เครดิตเงินคืนลูกหนี้ที่ผ่อนชำระเกินขั้นต่ำ พร้อมขยายเวลาปิดจบหนี้จากภายใน 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่อให้ค่างวดที่ต้องชำระปรับลดลง • ธพ. ระบุการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 1H67 เฉลี่ยลดลง 0.05%YoY โดยน้ำมันเตาใช้ลดลง 19.7% NGV ลดลง 16.8% และเบนซินลดลง 0.9% ขณะที่น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 17% LPG เพิ่มขึ้น 3.7% และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการเพิ่มขึ้น 3% • พาณิชย์ระบุต้นทุนขนส่งไทยเพิ่มขึ้นที่ 13.8% ต่อ GDP เตรียมหารือกับภาครัฐและเอกชนปรับปรุงฐานข้อมูลธุรกิจโลจิสติกส์ ช่วยภาคธุรกิจลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน | |||||||||||||||
กลยุทธ์การลงทุน | |||||||||||||||
ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีมอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" | |||||||||||||||
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ | |||||||||||||||
มองตลาดหุ้นไทยจะปรับลงจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 4 ธีม ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 2Q67 ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกำไรจะยังสามารถเติบโต YoY อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก ADVANC TU CPAXT BTG CBG BCP GPSC AU 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF 3) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM AOT 4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP | |||||||||||||||
Daily Top picks | |||||||||||||||
CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันลบ. เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT แนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ จากการเติบโตทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 57 บ. | |||||||||||||||
บทวิเคราะห์วันนี้ | |||||||||||||||
กลุ่มเงินทุน - ธปท.ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การชำระบัตรเครดิต | |||||||||||||||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Daily240805_T
|