คาด SET แกว่งในกรอบ อาจฟื้นตัวได้บ้างแต่กรอบบนจำกัด นักลงทุนยังรอปัจจัยใหม่ๆ รวมทั้งความชัดเจนมาตรการภาษีตอบโต้ของ ปธน. ทรัมป์ ส่วนประเด็นในประเทศวันนี้ช่วงเช้าติดตามการลงมติอภิปรายนายกฯ ทำให้คาดมูลค่าการซื้อขายยังคงไม่หนาแน่น ประเมินแนวรับที่ 1180 - 1170 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1190 - 1200 จุด
แกว่งตัวรอทางเลือก รอปัจจัยใหม่
ประเด็นสำคัญ
• Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ มี.ค. ลดลงสู่ 92.9 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2564 กระทบจากความกังวลนโยบาย ปธน. ทรัมป์อาจทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
• ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. หดตัว 8.3%YoY จากการถูกแย่งตลาดโดย EV และความระมัดระวังกำแพงภาษี ส่วนยอดผลิตลดลง 13.62%YoY ตามการส่งออกและยอดขายกระบะในประเทศ
• จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ก่อนลดลง 7.4%WoW สู่ 583,370 คน จากการลดลงของตลาดหลักและนอกฤดูกาลของตลาดระยะไกล ส่วนจำนวนสะสมปี 2568 ที่ 8,885,747 คน เพิ่มขึ้น 2.9%YoY
• สศช. เผยหลังหารือกับเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ยินดีที่จะสนับสนุนไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD และพร้อมทำงานร่วมกันกับไทยในทุกๆ ด้านเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ
• PBOC อัดฉีดเงิน 4.5 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินผ่านโครงการเงินกู้ MLF ระยะ 1 ปี เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคาร ทำให้เกิดการอัดฉีดสภาพคล่องสุทธิ 6.3 หมื่นล้านหยวน
• ก.ล.ต. เห็นชอบหลักการปรับปรุงเกณฑ์ให้ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถให้บริการ Tokenised Carbon Credit, Renewable Energy Certificate (REC) และ Carbon Allowance ส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขาย Carbon Credit โดยจะเปิดเฮียริงต่อไป
• มหกรรมบ้าน-คอนโด ครั้งที่ 47 มียอดจองทำนิวไฮเกิน 1.2 หมื่นลบ. โดย 'AP-SIRI-ORI-ASW-ANAN' ติดท็อป 5 สูงสุด อานิสงส์ปลดล็อก LTV นโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ และโปรโมชั่นพิเศษ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อหลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้วจนทำให้ดัชนีปรับตัวลง 15%YTD แย่สุดในตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกออกไปในทิศทาง Dovish มากขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนี PMI ภาคการผลิตของงสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยต้องติดตามเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24-26 มี.ค. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและการส่งสัญญาณยืดหยุ่นต่อแผนเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
2. หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Rating ตั้งแต่ระดับ A-AAA 2) คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ยังให้ Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่งและราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK
3. หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT AMATA BJC CPF
Daily top picks
BBL: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายกองทุน ThaiESGX มี SETESG Rating ระดับ AAA ขณะที่ยังเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมี Valuation ถูกที่สุด ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด อีกทั้งยังจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 6.50 บาท (XD 23 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4.3%
HMPRO: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 800 ล้านหุ้น (6% ของหุ้นรวม) ในวงเงินไม่เกิน 7 พันลบ. ในวันที่ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. นี้ และมอง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 2568F ที่ 15 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ 17 เท่า และยังมี Div. yield ปี 2568 สูงสุดในกลุ่มที่ 5% ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรวันนี้ราคาไม่เกิน 8 บาท
Waiting to choose a path
The SET is expected to be range-bound and may recover with a limited upper bound. Investors are waiting for a new catalyst and clarification of Trump’s reciprocal tariffs. Domestically, follow voting after the no-confidence debate against the PM; trade volume is expected to stay low. Support is at 1180-1170, and resistance at 1190-1200.
Today’s highlights
Strategy today
In the short term the SET is expected to recover after factoring in most of the negatives, falling 15% YTD, underperforming world markets. China’s economic figures and stimulus are expected to support the investment climate, while central bank stances are expected to be more dovish and reduce impact and volatility arising out of US tariffs that is damaging consumer confidence. Follow the no-confidence debate against the Prime Minister between Mar 24-26. Investment strategy is "Selective Buy".
Trading today
In the short term, the SET is expected to be volatile, with upside hinging on China's economic data and the Fed’s stance. Domestic factors include the BoT meeting. Investment strategy is "Selective Buy" across three themes with positive individual factors and one short-term trading idea:
Daily top picks
BBL: BBL is expected to be a target for ThaiESGX with SETESG rating of AAA and it is our top bank pick. It has the most attractive valuation, lowest quality asset risk and highest loan growth. The stock is also paying a DPS of Bt6.50, XD Apr 23, giving dividend yield of 4.3%.
HMPRO: There is a short-term catalyst from a share buyback program for a maximum of 800mn shares (6% of total shares) with a spending limit of Bt7bn. It will run between Apr 1–Sep 30, 2025. Valuation is attractive, trading at 2025F PE of 15x, the lowest among peers and Commerce of 17x, with 2025 dividend yield the highest among peers at 5%. Recommend to buy for trading at not higher than Bt8.
Download PDF Click > Daily250326_E.pdf