สวัสดีตอนเช้า - แกว่ง รอปัจจัยใหม่สัปดาห์หน้า

แกว่ง รอปัจจัยใหม่สัปดาห์หน้า

ประเด็นสำคัญ

• ม. หอการค้าไทยประเมิน “คนละครึ่งพลัส” และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะหนุน GDP ใน 4Q68 เติบโตเพิ่มขึ้น 0.5-0.8% หนุนให้ GDP ปี 2568 เติบโตแตะ 2.0-2.2% และประเมินประชาชนจะเร่งใช้ “คนละครึ่งพลัส” ภายใน 10-12 วัน ทำให้ ศก. ไทยในช่วง พ.ย. 2568 น่าจะมีความคึกคัก โดยเฉพาะช่วงวันลอยกระทง (5 พ.ย.)
• กกพ. ขานรับ Direct PPA และ 4 โครงการโซลาร์ตามนโยบาย Quick Big Win และเสนอ รมว. พลังงานพิจารณาการสนับสนุนภาคธุรกิจผลิตไฟฟ้าสะอาดใช้เอง และดูแลค่าไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และมองช่วงเวลาดังกล่าวเหมาะสมในการชำระคืนภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ต่อ กฟผ. เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า
• ม. หอการค้าไทยประเมินช่วงเทศกาลกินเจระหว่างวันที่ 21-29 ต.ค. 2568 จะมีเงินสะพัดราว 4.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2%YoY สูงที่สุดในรอบ 5 ปี สะท้อนสถานการณ์ช่วงเทศกาลที่เป็นปกติ แต่ประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย
• เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประเมินว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง หรือ US Shutdown ที่ดำเนินมากว่า 2 สัปดาห์ จะทำให้ ศก. สหรัฐฯ เสียหายมากถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ด้าน รมต. คลังสหรัฐฯ เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า US Shutdown เริ่มส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของ ศก.
• TSMC ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q68 ที่ 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโต 39%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด ตอกย้ำอุปสงค์ชิปสำหรับอุตฯ AI ที่ยังแข็งแกร่ง และเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากบริษัทเทคฯ ชั้นนำระดับโลกที่ลงทุนสร้าง Data Center

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ปัจจัยในประเทศติดตามรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ซึ่งคาดจะมีส่วนช่วยประคองตลาด ในสัปดาห์นี้คาด รมว. คลังจะเสนอ ครม. พิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน 100% มีท่าทีประณีประนอมมากขึ้น ประเมินผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด แต่ความผันผวนของตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้น ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ CPI, PPI และยอดค้าปลีก ก.ย. 2568 แม้ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น MoM แต่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้งดเผยแพร่ได้ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบรอปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ และการรายงานตัวเลข ศก. สำคัญในต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม
หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงเพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากรัฐมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เพิ่ม แนะนำ ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวเมืองรอง, ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย, นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG) จากมาตรการหนุนพลังงานสะอาดและการลงทุน Data Center 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE HANA TU และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อดีขึ้น โครงการคนละครึ่งพลัสและรัฐบาลมีแผนผลักดันนโยบายสร้างรายได้ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPAXT และ BJC (มีฐานลูกค้าโชห่วย ร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), CPALL, CBG, OSP, ICHI

 

Daily Top Picks

ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มกำไร 3Q68 ที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง +31.9%YoY จากรายได้ Mobile คาดโต +4.8%YoY (EPL Bundling) และ Fixed Broadband +7.6%YoY รวมถึงต้นทุนลดจากสัญญาสัมปทานประมาณ 300 ลบ. ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 302 บาท

FTREIT: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากประโยน์จากการไหลเข้าของสินค้าจีนทะลักเข้ามาไทย ภายหลังสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ด้าน Valuation ยังไม่แพงซื้อขายที่ PER 11.8 เท่า ที่ระดับ -1S.D. ของ P/NAV และประเมินกำไรปี 2568 ยังเติบโต 6.3% และอัตราเงินปันผลในปี 2569 ที่ 7.5% ราคาเป้าหมายระยะสั้น 10.80 บาท

 

 

New catalyst next week

 

The SET is expected to move sideways, unable to break through resistance at 1300. China’s Minister of Commerce said controls over rare earth are legal and the US is distorting facts plus it has concerns on US credit. A member of the FOMC, Stephen Miran, supports continued rate cuts, but this is already in the market. Next week watch the Ministry of Energy’s action plan and the 4th China Communist Party plenum. Index supports are at 1280/1270.

 

Today’s highlights

• The UTCC estimates the Half-Half Plus program and tourism stimulus measures will raise 4Q25 GDP growth by 0.5-0.8%, lifting 2025 GDP growth to 2.0-2.2%. It expects the public to spend more under Half-Half Plus within 10-12 days, creating economic momentum in Nov 2025, particularly around Loy Krathong (Nov 5).
• The ERC endorsed Direct PPA and 4 solar projects under the Quick Big Win policy, and asked the Minister of Energy to look at supporting self-generated clean electricity by businesses and ensure tariffs reflect true costs. The ERC views this as an opportunity to settle outstanding deferred costs (AF) with EGAT to stabilize the power system.
• The UTCC expects the vegetarian festival (Oct 21-29) to bring money circulation of Bt46bn, up 2%YoY, the highest in 5 years, reflecting normalization, though consumers remain cautious about spending.
• US Treasury officials estimate a US government shutdown extending beyond 2 weeks would cost the US economy up to US$15bn per week. The US Treasury Secretary disclosed in a press conference that the shutdown is beginning to impact economic strength and efficiency.
• TSMC reported 3Q25 net profit of US$14.8bn, up 39%YoY, exceeding market expectations, confirming robust demand for AI chips and massive investment capital from leading global tech companies building data centers.

 

Strategy today

In the short term, the SET is expected to move sideways as it waits for new catalysts. Watch for new economic stimulus from the government, which has said it will announce new programs every week. This week the Ministry of Finance is expected to announce a package to support tourism in secondary provinces. Externally, Trump’s raise in tariffs on China by 100% is seen as open to compromise and thus will have limited impact on the Thai market though it may raise volatility. Watch US CPI, PPI and retail sales in Sep 2025. Although the market expects US retail sales to grow MoM, the US shutdown may postpone release of data, eliminating the market’s leading indicators. Our investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

In the short term the SET is expected to be range-bound. Key an eye on new stimulus and key economic figures from overseas. Our investment strategy is "selective buy" in two main and three trading themes:
1. Earnings plays whose 3Q25 earnings are expected to grow YoY and QoQ, and on which we recommend Outperform with price upside - ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT and TRUE. 
2. Stocks that benefit from the interest rate downcycle as we expect the MPC to cut interest rate once more this year and twice next year: companies that benefit from lower financial cost as they carry a high proportion of floating-rate debt (CENTEL, GPSC, TRUE), and those whose operating costs are reduced and/or that benefit from higher purchasing power – AP, MTC and TIDLOR.
3. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) those who benefit from stimulus apart from consumption – Tourism (CENTEL, ERW), Finance (MTC, TIDLOR), Industrial Estates (WHA, AMATA) and Utilities (GULF, BGRIM, BCPG); 2) those benefiting from baht weakening (KCE, HANA, TU); and 3) those benefiting from higher purchasing power from the “Half-Half Plus” and other programs aimed at raising income and cutting cost of living – CPAXT and BJC (traditional retailers are a customer base), TNP (Thong Fah, shops), CPALL, CBG, OSP and ICHI.

Daily Top Picks

ADVANC: Short-term catalyst from expected 31.9% YoY growth in 3Q25 profit, driven by mobile, where revenue is expected to grow 4.8%YoY (EPL bundling) and fixed broadband (+7.6%YoY) businesses and a cut of ~Bt300mn in expenses after the recent auction. Short-term TP is Bt302.

FTREIT: This benefits from rush of Chinese products into the country as US-China trade tension accelerates. Valuation is attractive with PER of 11.8x,
-1S.D. of P/NAV. 2025 profit is expected to continue growing by 6.3% with dividend yield in 2026 of 7.5%. Short-term TP is Bt10.80.

 

Download EN version click >> Daily251017_E.pdf