Macro Making Sense 1
PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 19 พ.ย. 2567

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|19 Nov 24 8:47 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็น GDP 3Q/24 ขยายตัว 3.0% จากการลงทุนภาครัฐที่กลับมา แต่ส่งออก-นำเข้าต้องจับตา

  • GDP ไตรมาส 3/2024 ของไทยขยายตัว 3.0% ต่อปี สูงกว่าเราและตลาดคาดที่ 2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% ในไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงขยายตัว 1.2% ต่อไตรมาส เร่งขึ้นจากไตรมาส 2/2567 ที่ 0.8% บ่งชี้ Momentum ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยองค์ประกอบที่ขยายตัวมาจาก: (1) การลงทุนรวมกลับมาขยายตัว 5.2% เป็นผลหลักจากการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัว 25.9% ตามการเบิกจ่ายงบประมาณที่เร่งขึ้น และเป็นส่วนทำให้ GDP ขยายตัว (Contribution to GDP Growth) ถึง 1.8% (p.p.) (2) การส่งออกสุทธิที่ขยายตัว 10.5% เร่งขึ้นจาก 4.7% ในไตรมาสก่อน แต่เป็นส่วนให้ GDP ขยายตัว 1.0% ชะลอจากไตรมาสก่อนที่ 2.5% ผลจากการนำเข้าที่มากขึ้น (3) การบริโภคภาครัฐขยายตัว 6.3% เร่งขึ้นจาก 0.3% ในไตรมาสก่อน ส่วนองค์ประกอบที่ชะลอตัวได้แก่: (1) การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3.4% ชะลอลงจาก 4.9% ในไตรมาสก่อน จากข้อจำกัดจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ (2) สินค้าคงคลังลดลง และเป็นองค์ประกอบให้ GDP หดตัว -2.5% จากการลดลงของสินค้าอุตสาหกรรม และ (3) การนำเข้าสินค้าที่ขยายตัว 5.2% ซี่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง บ่งชี้การตีตลาดของจีน

  • สภาพัฒน์ประมาณการเศรษฐกิจที่ 2.6% และ 2.8% ในปีนี้-ปีหน้า โดยมองว่ามองว่าการบริโภคภาคเอกชน และการส่งออก ชะลอลง ขณะที่ปรับเพิ่มการลงทุนภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ

  • เราวิเคราะห์ว่าปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ได้แก่ ทิศทางเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า การทุ่มตลาด และความสามารถในการแข่งขัน โดยเรามองว่า ในระยะต่อไป การส่งออกจะชะลอลงตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่ในปัจจุบัน ที่ผ่านมา การเกินดุลการค้าของไทยชะลอลงอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ (1) ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยตกต่ำลง (2) การถูกจีนทุ่มตลาด และ (3) ในระยะต่อไป การส่งออกไทยอาจถูกสงครามการค้าและกระแส Deglobalization กดดัน

  • เรามองว่า กำแพงภาษีของทรัมป์ทำได้ไม่เร็วเนื่องจากการทำสงครามการค้าคือการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลกระทบลำดับแรกขึ้นชาวอเมริกัน ที่ต้องนำเข้าสินค้าราคาแพงขึ้น ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทรัมป์ต้องทำ คือการทำให้เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งก่อน ซึ่งจะทำได้ด้วยการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% สู่ 15% ซึ่งทำได้ไม่ง่ายนัก และอาจต้องรอไปถึงช่วงปลายปี 2025 แต่ Trump 2.0 อาจใช้ Non-Tariff Barrier เข้าโจมตีไทย เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ประเด็น Currency Manipulator และ การบังคับการนำเข้าหมูเนื้อแดงจากสหรัฐ

  • คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2024-2025 ในระยะต่อไป เรามองว่า GDP ไทยจะขยายตัวที่ 3.0% ในปี 2025 แต่ภาคการผลิต การค้า และความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

  • ในส่วนของวิสัยทัศน์ของ รมว. คลัง ในการผลักดันเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปนั้น เราสรุปได้เป็น 5 ประการ ได้แก่ (1) ผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เฟส 2 (2) มาตรการลดภาระชำระหนี้ ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก พักชำระดอกเบี้ย โดยรัฐใช้งบประมาณจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง และใช้การลดเงินนำส่ง FIDF (3) ผลักดันการลงทุนใน EEC โดยเฉพาะประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ผ่าน PPP (4) พัฒนาแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง ผ่าน OCA ซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานถูกกว่าปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่ง และ (5) ปฏิรูประบบการคลังและภาษี โดยในระบบการคลัง จะพยายามรักษาวินัยการคลังผ่านการตั้งเป้า GDP รวมเงินเฟ้อปีละ 5% ขณะที่คุมหนี้สาธารณะให้โตลดลงต่ำกว่า 5% รวมถึงมีแผนปฏิรูปภาษีให้เหมาะสมกับฐานะการคลังของประเทศ
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5