Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% INVX มองมีโอกาสสูงที่จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|14 Aug 25 7:47 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็น กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50%  ความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป รวมถึงในอนาคต

  • กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% เหตุเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มชะลอจากผลกระทบตรง–อ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ การแข่งขันด้านท่องเที่ยวที่รุนแรงขึ้น และความเชื่อมั่น–รายได้ภาคครัวเรือนที่ชะลอ โดย SMEs และแรงงานอิสระเป็นกลุ่มเปราะบางหลัก
  • กนง. เห็นว่าเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลงตามปัจจัยด้านอุปทาน แม้ราคาสินค้า–บริการอื่นไม่ปรับลงชัดเจน ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัว ขณะที่สินเชื่อหดตัวต่อเนื่องและคุณภาพสินเชื่อ SMEs–ที่อยู่อาศัยด้อยลง
  • กนง. เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อเอื้อต่อการปรับตัวของธุรกิจ ลดต้นทุนทางการเงิน และบรรเทาภาระหนี้กลุ่มรายได้ต่ำ พร้อมติดตามใกล้ชิดการขยายตัวสินเชื่อ ค่าเงินบาท และเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะปานกลาง
  • ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวของเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สรุปได้ว่า (1) ภาพเศรษฐกิจโดยรวมใกล้เคียงกับที่ กนง. เคยคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก แต่ความเสี่ยงในครึ่งปีหลังมีมากขึ้น (2) สิ่งที่ กนง. กังวลได้แก่ ภาคส่งออกที่จะชะลอลงมาก ภาคท่องเที่ยวที่ปัจจุบันชะลอกว่าคาด และสินเชื่อที่หดตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะรายย่อยและกลุ่มเปราะบาง
  • InnovestX มองว่าความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% (p.p.) ในการประชุมครั้งถัดไป (8 ตุลาคม 2568) มีอยู่ในระดับสูงราว 70–80% หากเศรษฐกิจชะลอตามคาด ผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ และปัญหาการหดตัวของสินเชื่อ
  • นอกจากนั้น เราเริ่มเปิดโอกาสที่จะลดในการประชุมเดือน ธ.ค. 2568 และเป็นไปได้ที่ ธปท. จะลดดอกเบี้ยจะต่อเนื่องไปยังปี 2569 หากเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอต่อเนื่อง

  • ปัจจัยสนับสนุนการลดดอกเบี้ยในช่วงต่อไป
  • 1. เศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวจากแรงกดดันมาตรการภาษีสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยการบริโภคภาคเอกชนและภาคการผลิตอ่อนแรงลง สะท้อนจากการใช้จ่ายหมวดบริการและสินค้าคงทนที่ลดลง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และการผลิตในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์เริ่มชะลอ
  • 2. ภาวะการเงินของไทยยังคงตึงตัวจากเงินบาทที่แข็งค่าและการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับต่ำ
  • 3. สินเชื่อ SMEs หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 โดยหดตัวรุนแรงในกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร
  • 4. เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายอย่างชัดเจน และไม่มีแรงกดดันด้านอุปสงค์ ปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานโลกที่อยู่ในระดับต่ำ Domestic demand ของที่อ่อนแอ ทำให้ผู้ผลิตไม่มี Pricing power ต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากสินค้าจีนที่ไหลเข้ามา ราคาผักผลไม้ที่ปรับลดลงจากผลผลิตมาก รวมถึงเงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มชะลอลงสะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5