Keyword
PDF Available  
เคาะซื้อ Weekly strategy

เคาะซื้อ Weekly Strategy: สี–ปูติน–คิม ท้าระเบียบโลกใหม่ ด้านทองคำทะลุทะลวงกรอบตามคาด (8 - 12 September 2025)

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|5 Sep 25 2:30 PM
สรุปสาระสำคัญ
สรุปคำแนะนำการลงทุนประจำวันที่ 8 - 12 กันยายน 2025
 
มุมมองรายสินทรัพย์ประจำสัปดาห์

ตราสารทุน

ตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ช่วงพักฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า โดยสำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนอยู่แล้ว เรายังคงแนะนำให้ถือครองต่อ ขณะที่ผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่ควรรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว โดยหุ้นจีน A-Shares ในระยะสั้นมีโอกาสถูกขายทำกำไร แต่มองเป็นจังหวะในการเข้าสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ด้านตลาดหุ้น DM เรามองว่ายุโรปยังน่าสนใจจากมูลค่าที่ไม่ตึงตัว โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนหุ้นยุโรปในระยะข้างหน้า 


ตราสารหนี้

เรามีมุมมองที่ระมัดระวังสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ แม้คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ แต่เงินเฟ้อสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูง ความกังวลฐานะทางการคลังสหรัฐฯ และความไม่เป็นอิสระของเฟด ปัจจัยเหล่านี้ยังคงกดดันให้อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ของตราสารหนี้อายุยาวปรับตัวลดลงได้อย่างจำกัด ขณะที่ Bond Yield ของตราสารหนี้ระยะสั้นจะปรับตัวลดลงจากอิทธิพลดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงการลงทุนต่อ (Reinvestment risk) ภาวะในปัจจุบันเราประเมินตราสารหนี้ระยะกลางที่มีอายุเป็น 3-5 ปี เป็นช่วงอายุที่มีความเหมาะสมที่สุด


 สินทรัพย์ทางเลือก

ทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ หลังเบรกกรอบที่สะสมมานานกว่า 4 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังเฟดปรับลดดอกเบี้ย เราประเมินว่าโมเมนตัมต่อราคาทองคำกลับมาแข็งแกร่ง จากสภาวะการลงทุนเอื้ออำนวย แนะนำทยอยลงทุน โดยมองเป้าหมายราคาทองคำที่ $3,875 ในกรอบระยะเวลา 6-12 เดือน
ด้าน REITs ไทยมีแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจากการใช้นโยบายการเงินของ ธปท. ที่ผ่อนคลายเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ REITs ไทยที่ยังคง Laggard เมื่อเทียบกับ SET Index มีความน่าสนใจ และดึงดูดเม็ดเงินของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดได้
[Theme Play] 

Europe Equity:
ความไม่แน่นอนทางการเมืองของฝรั่งเศสยังคงสร้างความผันผวนให้กับตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของยุโรปที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภายในภูมิภาคโดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี STOXX 600 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2026 เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้หุ้นยุโรปยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะกลาง-ยาว

Gold:
ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ต่อ ETF ทองคำซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน หนี้สาธารณะทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน กระแส De-dollarization ที่เร่งตัว และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลก ล้วนเป็นแรงสนับสนุนเชิงโครงสร้างต่อราคาทองคำ ในเชิงเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่และเบรคทะลุกรอบสะสม ทำให้เราประเมินว่าโมเมนตัมของราคาทองคำในระยะสั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง

China A-Shares:
หุ้นจีน A-Share มีโอกาสปรับตัวลดลงในระยะสั้น หลังรัฐบาลจีนประกาศว่า กำลังพิจารณามาตรการควบคุมการเก็งกำไรในตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดการเก็งกำไรและเพิ่มเสถียรภาพของตลาดหุ้นจีนในระยะถัดไป เมื่อประกอบกับดัชนี PMI เดือน ส.ค. ชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนยังคงขยายตัว กำไรบริษัทจดทะเบียนใน CSI300 คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเงินออมของนักลงทุนรายย่อยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เราจึงประเมินว่า ตลาดหุ้นจีนยังคงมีปัจจัยสนับสนุนและมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะกลาง
 
 
[Event Play]
 
TH REITs : REITs ไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนที่ ธปท. ส่งสัญญาณเข้าสู่วัฏจักรปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย อีกทั้ง REITs ไทยมีส่วนต่างปันผลกับพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Dividend Yield Spread) พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.32% และอัตราปันผลเฉลี่ย 8.79% สูงกว่า REITs ภูมิภาค 
อื่น ๆ แม้ในช่วงสั้น ดัชนี SETPREITs เจอแรงกดดันประเด็นทางด้านการเมือง แต่เราประเมินว่าปัจจัยหนุนต่างๆ ที่กล่าวจะเอื้อต่อภาวการณ์ลงทุน REITs ไทย

Global Healthcare:
Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เข้าซื้อหุ้น UnitedHealth Group จำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2025 แม้บริษัทยังเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการแพทย์สูงและผลประกอบการต่ำกว่าคาด แต่การเข้าซื้อดังกล่าวช่วยหนุน Sentiment ต่อหุ้นกลุ่ม Healthcare และเป็นแรงผลักดันสำคัญในระยะสั้น ขณะเดียวกัน Valuation ของกลุ่มยังอยู่ในระดับน่าสนใจหลังจากราคาปรับฐานลงมา อีกทั้ง ยังมีโอกาสได้รับแรงหนุนจากกระแสการสลับกลุ่มลงทุน (sector rotation) โดยเฉพาะเมื่อดัชนี S&P 500 เริ่มเข้าสู่ระดับ Valuation ที่ตึงตัว
Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5