by INVX Investment Strategy
18 มิ.ย. 68
ในเดือน มิ.ย. 2025 ที่ผ่านมา Artificial Analysis ผู้ตรวจสอบและประเมิน AI อิสระ รายงานผลการทดสอบ AI จีน พบว่า มีคะแนนในการวิเคราะห์สูงใกล้เคียงกับ AI ของสหรัฐฯ และช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เหริน เจิ้งเฟย ผู้บริหาร Huawei ได้เน้นย้ำถึงความสามารถของชิปและการพัฒนา AI ของจีนที่ไม่แพ้สหรัฐฯ รวมถึงแสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา AI Ecosystem ของจีนซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกับรัฐบาล มีแนวโน้มให้หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI ของจีนสามารถที่จะเร่งการเติบโตขึ้นตามการพัฒนาดังกล่าว
เราได้เห็นถึงโอกาสการลงทุนหุ้นกลุ่ม AI ของจีนจะมีโอกาสเติบโตสูง โดยแบ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบไปด้วย 1.Data & Cloud, 2.Software & Application, 3.Semiconductors, 4.Automation และ 5. Medtech
การแข่งขันด้าน AI ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เข้มข้นขึ้น หลังช่องว่างประสิทธิภาพของโมเดลชั้นนำแคบลงอย่างมีนัยสำคัญในต้นปี 2025 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญคือการเปิดตัว DeepSeek R1 ซึ่งเป็นโมเดลจากจีนที่เทียบชั้นสหรัฐฯ ได้สำเร็จ แต่ใช้ทรัพยากรพัฒนาน้อยกว่ามาก ในขณะที่นโยบายรัฐบาลจีนที่มุ่งส่งเสริมระบบนิเวศเทคโนโลยีและ AI เพื่อการพึ่งพาตนเอง ผ่านแผน "Made in China 2025" และ "แผนพัฒนา AI ยุคใหม่" ส่งผลให้ภาคส่วนนี้ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ศักยภาพ AI ของจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯ แล้ว จากผู้ตรวจสอบอิสระ (Artificial Analysis) ได้เปิดเผยข้อมูลการทดสอบในเดือน มิ.ย. 2025 ที่ชี้ว่า AI จีนอย่าง DeepSeek มีคะแนนความสามารถใกล้เคียงผู้นำตลาดเช่น Gemini และ ChatGPT รายงานนี้ชี้ถึงขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และการนำไปใช้งานจริงในแอปพลิเคชันต่างๆ ของ AI จีน
แม้ชิป AI ของจีนจะตามหลังสหรัฐฯ อยู่หนึ่งเจนเนอเรชัน แต่ เหริน เจิ้งเฟย ผู้บริหาร Huawei ได้เปิดเผยกับสื่อในวันที่ 10 มิ.ย. 2025 ระบุว่า บริษัทจีนมีความสามารถในการพัฒนา AI ระดับสูงได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชิปของสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. 2025 ที่ผ่านมา บริษัท Huawei ได้พัฒนา Cloud Matrix ซึ่งใช้ Cluster Computing ชดเชยข้อจำกัดนี้ ทำให้ประสิทธิภาพในระดับระบบ (System Level) เหนือกว่า NVIDIA ในบางมิติ ทั้งนี้ เหริน เจิ้งเฟย มีความมุ่งมันที่จะร่วมสร้าง AI Ecosystem ยิ่งเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรม AI ของจีนโดยรวม
ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวมา เรามองว่าหุ้นกลุ่ม AI ของจีนจะมีโอกาสเติบโตสูง จากปัจจัยหนุนที่ภาครัฐเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ จนปัจจุบันมีศักยภาพทัดเทียมกันแล้ว การสร้าง AI Ecosystem มีโอกาสจะเร่งให้ AI ของจีนแซงหน้าสหรัฐฯได้ในบางมิติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นจีนที่มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ AI ขณะที่มูลค่าหุ้น (Valuation) ปัจจุบันยังคงน่าสนใจกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันของสหรัฐฯ เราจึงแบ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบไปด้วย 1.Data & Cloud, 2.Software & Application, 3.Semiconductors, 4.Automation และ 5. Medtech
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Data & Cloud: กลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของข้อมูลมหาศาลและมีระบบ Cloud ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI
• Tencent (700 HK): +23.14% YTD
• Alibaba (9988 HK): +39.32% YTD
• Baidu (9888 HK): +3.08% YTD
2. Software & Application: กลุ่มบริษัทที่นำ AI พัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้
• Xiaomi (1810 HK): +56.52% YTD
• Kuaishou (1024 HK): +43.65% YTD
• Meituan (3690 HK): -8.97% YTD
• BYD (1211 HK) & Li Auto (2015 HK): +45.16% YTD และ +15.59% YTD
• Trip.com (9961 HK): -11.11% YTD
ประโยชน์จาก AI: ใช้ AI สร้างประสบการณ์เดินทางเฉพาะบุคคล (Personalized Experience) และล่าสุดได้เปิดตัว TripGenie ผู้ช่วย AI อัจฉริยะสำหรับวางแผนการเดินทางโดยเฉพาะ
3. Semiconductors: กลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิปในการประมวลผล AI
• NAURA Technology (002371 SZ): +6.37% YTD
• Montage Technology (688008 SS): +17.45% YTD
• SMIC (981 HK): +24.84% YTD
4. Automation: กลุ่มบริษัทที่สามารถพัฒนาระบบ Automation ที่ซับซ้อนได้มากขึ้นจากความต้องการของ AI
• Inovance Technology (300124 SZ): +6.16% YTD
• Estun Automation (002747 SZ): +5.19% YTD
5. Medtech: กลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีการประยุกต์ใช้ AI กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
• United Imaging Healthcare (688271 SS) : -0.13% YTD
• MicroPort MedBot (2252 HK) : +73.71% YTD
เรามองว่า หุ้นเทคโนโลยีและ AI จีนยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูง ตามการคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus ที่ระบุว่า EPS Growth ของดัชนี Hang Seng Tech จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 30% YoY ใน 3 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ใกล้เคียงกับ Mag-7 ของสหรัฐฯ แต่มี Valuation ที่ถูกกว่ามาก ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ความตึงเครียดจีน-สหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับรู้ปัจจัยเหล่านี้แล้วพอสมควร ทำให้ความเสี่ยงมีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่การสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ AI จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระยะต่อไป
---
ที่มา: ผลตอบแทน YTD สิ้นสุดวันที่ 17 มิถุนายน 2568
ลงทุนหุ้นต่างประเทศ และ DR กับ InnovestX เพียงแค่ดาวโหลดแอปและเปิดบัญชี
คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
อ่านรายละเอียดข้อมูล DR และค่าธรรมเนียม คลิก https://www.innovestx.co.th/products/depositary-receipt/dr
⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งที่รับประกันผลงานในอนาคต เงินลงทุนอาจสูญหาย และควรศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุน