สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวลดลงจาก (1) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากซาอุฯ และรัสเซียต่ออายุลดกำลังการผลิตที่ 1 ล้านบาร์เรล และ 3 แสนบาร์เรลต่อวันต่อเนื่อง (2) ISM ภาคบริการของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นเกินคาดและติดต่อกัน 8 เดือนสู่ระดับ 54.5 ในเดือน ส.ค. สูงกว่าคาดที่ 52.5 จากระดับ 52.7 ใน ก.ค. จากการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่ง ท่ามกลางราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นและทำให้ Fed ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม (3) รายงานเศรษฐกิจภูมิภาคของ Fed (Beige book) ที่ส่งสัญญาณเศรษฐกิจและเงินเฟ้อชะลอลง โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่ตลาดแรงงานคลายความร้อนแรงลง และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า Fed อาจใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 48.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. และให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ขณะที่ (4) ตลาดจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ Country Garden สามารถชำระคืนหนี้ค้างชำระได้บางส่วน ประกอบกับยอดขายบ้านในเมืองใหญ่เริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้หุ้นอสังหาริมทรัพย์จีนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบประมาณ 4 สัปดาห์ (5) ดัชนีภาคบริการที่วัดจาก Caixin PMI ภาคบริการฟื้นตัวเกินคาด โดยขยายตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือน ส.ค. แม้ว่าจะอยู่ที่ 51.8 ลดลง 2.3 จุดจากเดือน ก.ค. และเป็นระดับต่ำสุดของปี บ่งชี้ว่าการจ้างงานภาคบริการยังคงมีความยืดหยุ่น โดยดัชนีการจ้างงานไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน (6) การจ้างงานสหรัฐลดลงต่ำกว่า 2 แสนตำแหน่งต่อเนื่องเดือนที่ 3 โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นต่ำกว่าระดับ 200,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่สาม โดยมีการปรับลดลง (Revise down) ถึง 1.1 แสนตำแหน่งในสองเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ตลาดแรงงานลดความร้อนแรงลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ค่าจ้างยังคงขยายตัวในระดับสูง ซึ่งช่วยสนับสนุนให้การใช้จ่ายยังคงขยายตัวต่อเนื่อง (7) ภาคการผลิตที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จาก S&P Global PMI และ ISM Manufacturing PMI ที่ยังหดตัวต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ 47.9 และ 47.6 ตามลำดับ (8) ยอดส่งออก ส.ค. ของจีนลดลง 8.8% ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจาก ศก. โลกชะลอลง ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3%
ตลาดหุ้นโลก•สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวลดลงจาก (1) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากซาอุฯ และรัสเซียต่ออายุลดกำลังการผลิตที่ 1 ล้านบาร์เรลและ 3 แสนบาร์เรลต่อวันต่อเนื่อง (2) ISM ภาคบริการของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นเกินคาด ท่ามกลางราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นและทำให้ Fed ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม (3) รายงานเศรษฐกิจภูมิภาคของ Fed (Beige book) ที่ส่งสัญญาณเศรษฐกิจและเงินเฟ้อชะลอลง ท่ามกลาง (4) ตลาดจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ ขณะที่ภาคบริการที่วัดจาก Caixin PMI ภาคบริการฟื้นตัวเกินคาด
ตลาดหุ้นไทย
•ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงหลังจากฟื้นตัวแรงในสัปดาห์ก่อนจากประเด็นการเมือง โดยดัชนีลดลงหลังนักลงทุนกังวลมาตรการลดค่าไฟ-น้ำมันของรัฐบาลใหม่จะกดดันหุ้นพลังงาน ขณะที่ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลวางนโยบายเร่งด่วน เติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบ.-แก้หนี้-ลดค่าพลังงาน-ผลักดันท่องเที่ยว-ร่างรธน.ใหม่ โดย รมช. คลังระบุจ่ายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบ. ผ่านบล็อกเชนรอบเดียว ร้านโชห่วย-สะดวกซื้อ-ห้างใหญ่ ใช้ได้หมด คาดกระตุ้น ศก. 2 ล้านลบ. หนุน GDP ปีหน้าโต 5% ขณะที่กรมสรรพสามิตเตรียมเสนอลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 2 บ. จาก 6 บ. เพื่อให้ราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 30 บ. ตามนโยบายรัฐบาล
ตลาดพันธบัตร•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.23% หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นหลังซาอุฯ และรัสเซียขยายการลดกำลังการผลิต ทำให้ความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี เพิ่มขึ้นที่ 4.93% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ -0.70 bps
•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2.91% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นที่ 2.39% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3.1 พันล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 1 ก.ย. ที่ 88.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 89.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับลดลงเล็กน้อยที่ 1,944.5 ดอลลาร์ต่อ ทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นที่ 104.9 จุด จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่กลับมามากขึ้น ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 147.4 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงที่ 1.07 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงแรงที่ 35.59 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.33 หยวน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม WealthWeekend_230908_T