Wealth Weekend

Wealth Weekend – มองเวลท์..รายวีค 20/10/2023

20 Oct 23 12:20 PM
Program_Thumbnail-02

สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้ ​ 

สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงจาก (1) ความกังวลในภาวะสงครามตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยกองทัพอิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศเข้าสู่ฉนวนกาซา รวมถึงปิดล้อมต่อเนื่อง รวมถึงเหตุระเบิดโรงพยาบาลในฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 500 ราย โดยทางการอิสราเอลกล่าวว่า กองทัพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลดังกล่าว แต่เหตุระเบิดเป็นผลมาจากกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ที่ยิงจรวดใส่โรงพยาบาลเอง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลจอร์แดนยกเลิกแผนการจัดประชุมสุดยอด 4 ฝ่าย ระหว่าง ผู้นำสหรัฐ จอร์แดน อียิปต์ และปาเลสไตน์ เพื่อหาทางยุติความขัดแย้งร่วมกัน ขณะที่ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจจีนปรับตัวดีขึ้นเกินคาด โดย GDP ในไตรมาส 3/66 ขยายตัว 4.9% ต่อปี (1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน) แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.6% ทำให้หลายฝ่ายมองว่า GDP จีนจะขยายตัวได้ 5.0% ในปีนี้  นอกจากนั้น ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. ขยายตัว 4.5% เท่ากับเดือน ส.ค. และสูงกว่าคาดที่ 4.3% ขณะที่ยอดค้าปลีกขยายตัว 5.5% สูงกว่าเดือนก่อนที่  4.6% และสูงกว่าคาดที่ 4.9% อย่างไรก็ตาม ยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ขยายตัว 3.1% ต่ำกว่าคาดที่ 3.2% ด้านอัตราว่างงานเดือน ก.ย.ลดลงสู่ระดับ 5% จาก 5.2% ในเดือน ส.ค. ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีนทีดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการเงิน ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศเพิ่มสภาพคล่องครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยเพิ่มเงินสุทธิ 2.89 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าสู่ระบบการเงินผ่านเงินกู้นโยบายระยะเวลา 1 ปี (One-year Policy Loan) และอัดฉีดเงินกว่า 1.34 แสนล้านหยวนผ่านการซื้อคืนพันธบัตรผ่านช่องทางตลาดการเงิน (Open-market Operations) ซึ่งมาตรการทางการจีนต่าง ๆ ทำให้ภาคการบริโภคดีขึ้นบ้าง (3) ยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัวเกินคาดที่ 0.7% ต่อเดือนและ 3.8% ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่องจาก 0.8% ต่อเดือนและ 2.9% ต่อปี ตามลำดับ ผลจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นตาม โดยเฉพาะด้านอาหาร ยานยนต์ และค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง (4) เงินเฟ้อผู้บริโภคสหรัฐเดือน ก.ย. ขยายตัว 3.7% เท่ากับเดือนก่อน แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.8% เล็กน้อย ผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง ทำให้เงินเฟ้อการขนส่งเพิ่มขึ้น 2.4% แต่เงินเฟ้อจากภาคบริการชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ พัฒนาการเงินเฟ้อภาคบริการเริ่มลดลงต่อเนื่อง แต่เงินเฟ้อจากภาคการผลิต เช่น เงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) และเงินเฟ้อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เริ่มเพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเริ่มกลับมา (5) ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 4.9% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ตอกย้ำท่าทีของ Fed ว่าจะตรึงดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลัง Christopher Waller สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุยังจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการ ประชุมเดือน พ.ย. แต่อาจเพิ่มขึ้นหลังจากนั้น 

ตลาดหุ้นโลก 

•สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงจากความกังวลในภาวะสงครามตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และรุนแรงขึ้น รวมถึงเหตุระเบิดโรงพยาบาลในฉนวนกาซา จนทำให้ความพยายามของ ปธน. ไบเดนที่เดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อลดความตึงเครียดทางสงครามไม่สัมฤทธิ์ผล ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนปรับตัวดีขึ้นเกินคาด ผลจากการอัดฉีดมาตรการการเงินของรัฐบาล ด้านยอดค้าปลีกสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ก.ย. จากการใช้จ่ายด้านอาหารและยานยนต์ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง จนทำให้ความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้มีมากขึ้น

ตลาดหุ้นไทย

•สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงจากความเสี่ยงสงครามตะวันออกกลางที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ขณะที่ (1) ส.อ.ท. ระบุขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในอิสราเอล แต่ หากขยายวงกว้างจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกยานยนต์ โดยการส่งออกไปยัง ต.อ. กลางคิดเป็น 16% ของการส่งออกรถยนต์รวม (2) ธปท. ระบุอัตราเข้าพักโรงแรมโดยเฉลี่ยเดือน ก.ย. 66 อยู่ที่ 46% ลดลงจากเดือนก่อนจากการเปิดภาคเรียนของบางประเทศ (3) นายกฯ เดินทางเยือนจีน พบ 10 บริษัทยักษ์ใหญ่จีน เช่น ผิงอัน อาลีบาบา เพื่อชักจูงให้มาลงทุนในไทย
 

ตลาดพันธบัตร

 
•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นรุนแรงมาอยู่ที่ 4.97% หลังตัวเลขยอดค้าปลีกออกมาดีเกินคาดมาก ทำให้ความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มีมากขึ้น ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.25% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี ลดลงที่ -0.28 bps
•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 3.36% ตามการตึงตัวของสภาพคล่องโลก ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.58% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 5.26 พันล้านบาท
 

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. ที่ 90.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 93.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความกังวลในภาวะสงครามตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และรุนแรงขึ้น ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นรุนแรงมาที่ 1,960.3 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 106.6 จุด  หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีจนทำให้ความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมีมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าเล็กน้อยที่ 149.74 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงที่ 1.05 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 36.42 บาท ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ขณะที่เงินหยวนอ่อนลงเล็กน้อยที่ระดับ 7.32 หยวน 

 

PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม  WealthWeekend_231020_T 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5