สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกเข้าสู่ช่วงพักตัว หลังปรับตัวทำจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง มีแรงขายทำกำไรหลังผลประชุมเฟดออกมาตามคาดในสัปดาห์ก่อน ขณะที่คำกล่าวของ ปธ. เฟด ล่าสุดขาดความชัดเจนต่อทิศทางดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า โดยแม้จะย้ำถึงตลาดแรงงานที่ชะลอ แต่ยังคงความกังวลเงินเฟ้อ ที่จะทำให้การตัดสินใจของเฟดทำได้ยากมากขึ้น นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค. และ GDP 2Q25 ที่ปรับเพิ่มขึ้นไปอีก ด้านจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าคาด ยิ่งทำให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2026 ลงเหลือ 2 ครั้ง จากเดิม 3 ครั้ง เข้าใกล้ Dot Plot ล่าสุด กลุ่ม Health Care ปรับตัวลดลง 2.4% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มการไต่สวนการนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์, กลุ่ม Consumer ปรับตัวลดลง 1.3%-2.1% ตามกำลังซื้อที่ลดลง ด้านกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงก่อนหน้านี้ OECD ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2025 เป็น 3.2% จาก 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตและการค้าที่เพิ่มขึ้นก่อนการใช้ภาษีศุลกากรอัตราสูงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม OECD เตือนว่าการเติบโตจะชะลอลงเหลือ 2.9% ในปีหน้าเนื่องจากการลงทุนและการค้าที่จำกัด จากการขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มเติม ตลาดหุ้น EM ยังปรับขึ้นได้เล็กน้อย ได้แรงหนุนจากตลาดฝั่งเอเชียเหนือ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องจากกระแสการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลาดหุ้นไทยพักตัวต่ำกว่า 1,300 จุด ระหว่างรอการแถลงนโยบายกระตุ่นเศรษฐกิจใหม่ภายหลัง ครม. เข้ารับตำแหน่งในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ได้แรงหนุนจากนาโต้ที่กดดันรัสเซียเพิ่มมากขึ้น รวมถึงตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ออกมาลดลงกว่าคาด
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ (1) ถ้อยแถลงของพาวเวลล์ ที่ Rhode Island สอดคล้องกับถ้อยแถลงหลังการประชุม FOMC แต่ไม่ชัดเจนด้านทิศทางดอกเบี้ยข้างหน้า (2) PMI สหรัฐฯ ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอลง ด้านเงินเฟ้อฝั่งต้นทุนที่เร่งตัวขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนได้ (3) ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20.5% สูงกว่าตลาดคาดที่ -0.3% อย่างมาก
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) การส่งออกของไทยในเดือน ส.ค. ขยายตัว 5.8%YoY ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 (2) Fitch Ratings ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของไทยเป็น negative จาก stable แต่คงอันดับเครดิตที่ BBB+ (3) จำนวนท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 496,986 คน ลดลง 17% YoY โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 33%
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.18% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีปรับสูงขึ้นที่ 3.65% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 53 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ 1.41% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นสู่ 1.17% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 11,344 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 2.9%WoW สู่ 69.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กังวลภาวะอุปทานชะงักจากปัญหาการส่งออกของอิรัก และยูเครนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานรัสเซียต่อเนื่อง ราคาทองคำ (Spot) เพิ่มขึ้น 2.9%WoW สู่ 3,748.88 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งขึ้นที่ 98.38 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวที่ 149.7 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 32.2 บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนลงที่ระดับ 7.13 หยวน