Special Report - Global Strategy

สรุปประชุม Fed และกลยุทธ์การลงทุน: ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของปี พร้อมมาตรการเสริมสภาพคล่อง

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|11 Dec 25 8:00 AM
Special Report (Global Strategy)
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประชุม Fed และกลยุทธ์การลงทุน: ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของปี พร้อมมาตรการเสริมสภาพคล่อง


By INVX Investment Products & Strategy (11/12/2568)

 

"ลดดอกเบี้ยตามคาด แต่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ลงรอยกันมากนัก"

คณะกรรมการ Fed ได้ลงมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ตามที่ตลาดและ InnovestX คาด มาอยู่ที่ช่วง 3.50-3.75% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ติดต่อกันในปีนี้ แต่การตัดสินใจครั้งนี้มีความแตกแยกอย่างชัดเจนภายในคณะกรรมการ โดยมีการคัดค้าน (dissents) ถึง 3 รายซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019 ประกอบด้วย Jeffrey Schmid ประธาน Fed สาขา Kansas City และ Austan Goolsbee ประธาน Fed สาขา Chicago ที่ต้องการให้คงดอกเบี้ยไว้เพราะกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ขณะที่ Stephen Miran (Fed Governor) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เศรษฐกิจจากรัฐบาล Trump ที่ต้องการลดดอกเบี้ยถึง 0.50% เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ยังมี "soft dissents" หรือการแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยอย่างไม่เป็นทางการถึง 6 รายในเอกสาร SEP (Summary of Economic Projections) ที่ต้องการดอกเบี้ยสูงกว่าในปี 2025 สะท้อนความกังวลต่อเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวจากนโยบายภาษีของ Trump

"สัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยและมุมมองเศรษฐกิจที่ดีขึ้น"

ประธาน Powell ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า Fed จะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า โดยระบุว่าการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะยากขึ้นและต้องประเมินข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ คาดการณ์ฉันทามติของ Fed จากเอกสาร dot plot ซึ่งแสดงความคิดเห็นของสมาชิกคณะกรรมการ 19 คนยังคงชี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีหน้ามาอยู่ที่ 3.4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือนกันยายน แม้ว่า Powell จะยืนยันว่า Fed ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันซับซ้อน เพราะต้องรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนตลาดแรงงานที่มีความเปราะบาง โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลการจ้างงานอาจถูกนับสูงเกินจริงและการสร้างงานอาจติดลบจริงๆ กับการควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากผลกระทบของภาษีศุลกากร Trump ที่คาดว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นแบบครั้งเดียว


"ประมาณการเศรษฐกิจที่สดใสขึ้นท่ามกลางความท้าทายด้านเงินเฟ้อ"

ในส่วนของการประมาณการเศรษฐกิจ Fed ได้ปรับประมาณการการเติบโตของ GDP ปี 2026 ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 2.3% จาก 1.8% ในการประมาณการครั้งก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนผลกระทบทางบัญชีจากการปิดทำการของรัฐบาลที่ประมาณว่ามีค่าประมาณ 0.3 เปอร์เซ็นต์พอยต์ นอกจากนี้ยังปรับประมาณการการเติบโตในทุกปีของช่วงคาดการณ์ขึ้นเล็กน้อย โดยปี 2025 อยู่ที่ 1.7% ปี 2027 อยู่ที่ 2.0% และปี 2028 อยู่ที่ 1.9% สำหรับเงินเฟ้อ Fed ได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อ PCE (Personal Consumption Expenditures) หลักปี 2025 ลงเล็กน้อยเป็น 2.9% จาก 3.0% และปรับประมาณการปี 2026 ลงเป็น 2.4% จาก 2.6% ส่วนเงินเฟ้อ Core PCE ที่ไม่รวมอาหารและพลังงานปี 2025 ปรับลงเป็น 3.0% จาก 3.1% และปี 2026 ลงเป็น 2.5% จาก 2.6% ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะค่อยๆ กลับสู่เป้าหมาย 2% ภายในปี 2027-2028 อัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 4.5% ในปี 2025 และค่อยๆ ลดลงเหลือ 4.2% ในปี 2027 ซึ่งยังคงสะท้อนตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งแต่ชะลอตัวลงจากระดับปัจจุบัน


"มาตรการเสริมสภาพคล่อง: Reserve Management Purchases"

ประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามคือการประกาศของ Fed ว่าจะเริ่มดำเนินการ reserve management purchases หรือการซื้อพันธบัตรเพื่อบริหารเงินสำรองในระบบธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป ซึ่ง New York Fed ระบุว่าจะมีมูลค่าประมาณ 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน เมื่อรวมกับการนำเงินจาก mortgage-backed securities ที่ครบกำหนดมาลงทุนใหม่ใน Treasury bills อีก 20 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน จะรวมเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับเงินสำรองให้อยู่ในระดับ "เพียงพอ" (ample) และคาดว่าจะชะลอลงหลังเดือนเมษายนเมื่อยอดเงินใน Treasury General Account ลดลง การเพิ่มสภาพคล่องในระบบผ่านมาตรการนี้ถือเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมที่นักลงทุนบางคนอาจมองข้าม เพราะจะช่วยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อไปและลดความกังวลเรื่องสภาพคล่องในระบบการเงิน


"ผลกระทบต่อตลาดและสินทรัพย์เสี่ยง"


สำหรับผลกระทบต่อตลาด การที่ Fed การลดดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกันเป็นภาพ dovish ชัดเจนหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่การส่งสัญญาณ hawkish ด้วยการชะลอจังหวะการลดดอกเบี้ยและคาดการณ์ว่าจะมีการลดเพียงครั้งเดียวในปีหน้านั้นอาจสร้างความผันผวนระยะสั้น แต่ในมุมมองระยะกลางถึงยาว ระดับดอกเบี้ยที่ลดลงมาแล้วรวมถึงการยืนยันว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งจากการปรับขึ้นประมาณการ GDP ทุกปีในช่วงคาดการณ์นั้น InnovestX ประเมินว่าจะยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ซึ่งมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากมีต้นทุนการกู้ยืมสูงกว่าและได้ประโยชน์มากกว่าเมื่อสภาพคล่องในระบบดีขึ้น นอกจากนี้หุ้นขนาดเล็กยังได้ประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากเท่ากับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีรายได้จากต่างประเทศสูง การที่ Fed คาดการณ์ GDP เติบโตถึง 2.3% ในปี 2026 ยิ่งเสริมความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่พึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก

"กลยุทธ์การลงทุน: โอกาสในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กและทองคำ"

InnovextX ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กที่ควรได้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่ยังไม่จบ รวมถึงหุ้นเทคโนโลยี และหุ้นในตลาดเกิดใหม่ แม้ว่า Fed จะชะลอจังหวะลง แต่ทิศทางยังคงเป็นการผ่อนคลายนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตและสภาพคล่อง การที่ Fed จะเริ่มซื้อพันธบัตรเพื่อบริหารสำรองประมาณ 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนนับจากวันศุกร์นี้ยิ่งเสริมสภาพคล่องในระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนอาจพิจารณาเพิ่มน้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กที่มีคุณภาพและได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูงและสามารถรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงได้ดี หรือลงทุนผ่านกองทุน SCBRS2000 (A) สำหรับทองคำแม้ว่าในระยะสั้นอาจมีการแกว่งตัวในกรอบจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์และการชะลอการลดดอกเบี้ย แต่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังคงแข็งแกร่งจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดดุลงบประมาณที่สูง และความต้องการจากธนาคารกลางต่างๆ คาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปีหน้าเมื่อความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐฯ รอบการเปลี่ยนผ่านผู้นำ Fed กลับมาเป็นประเด็นหลัก ดังนั้นการรักษาสัดส่วนการถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงยังคงเหมาะสมในพอร์ตการลงทุน โดยอาจพิจารณาซื้อเพิ่มในช่วงที่ราคาปรับตัวลงเพื่อเฉลี่ยต้นทุนและเตรียมพร้อมรับแนวโน้มขาขึ้นในปีหน้า

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5