EIA ประเมินความต้องการไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2025 ต่อเนื่องถึงในปี 2026 (Figure 2) หนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม AI ผ่าน Data Center, Cryptocurrency และภาคครัวเรือนและธุรกิจที่เปลี่ยนผ่านจากฟอสซิลสู่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะการสร้าง Data Center ในสหรัฐฯ ที่ขยายตัวต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการ AI จาก Capex ธุรกิจ Cloud ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ Capex ปี 2025 ของ 4 บริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่จะเติบโตต่อเนื่องสูงถึง 47%YoY หรือแตะระดับ US$3.35 แสนล้าน (Figure 3, Bloomberg) และค่าใช้จ่ายการก่อสร้าง Data Center ในปี 2025 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (หลังปรับเป็นรายปี) เติบโต 30%YoY แตะ US$4 หมื่นล้าน (Reuters) ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่อาจเติบโตไม่ทันความต้องการจากปัญหาคอขวดในการส่งมอบกังหันผลิตไฟฟ้าสำหรับสร้างโรงไฟฟ้า ผู้ผลิตกังหันผลิตไฟฟ้าอย่าง GEV.US เผยยอดจองในปี 2025 เติบโตถึง 66%YoY และแนะเผื่อเวลาส่งมอบราว 7-8 ปี (CREDaily) ด้าน Mitsubishi เผยความต้องการสูงทั่วโลก หนุนราคากังหันผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 50% เทียบกับเมื่อ 5 ปีก่อน และคาดอุปสงค์จะคงสูงในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า (Bloomberg)
มองเป็นบวกต่อโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดย EIA ประเมินราคาไฟฟ้าเฉลี่ยในสหรัฐฯ ปี 2025-2026 จะสูงขึ้นเฉลี่ย 2.2% ต่อปี (Figure 4) จากปัญหาคอขวดจากความต้องการไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและเติบโตเร็วกว่ากำลังการผลิตใหม่ซึ่งมีสาเหตุจากระยะเวลาการสร้าง Data Center ที่เร็วกว่าการสร้างโรงไฟฟ้า Gas-fired โดยเฉพาะในพื้นที่ ERCOT (Texas) และ PJM (Mid-Atlantic และบางส่วน Midwest และ South) ที่ขยายตัวเฉลี่ย 11% และ 4% ตามลำดับ เนื่องจากถูกประเมินว่าเป็นพื้นที่ที่จะมีการขยายตัวของ Data Center อย่างรวดเร็ว (Platts) มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากค่า Capacity Payment ที่อยู่ในระดับสูง เชิงพื้นฐาน ทยอยสะสม BCPG ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 73% (Figure 5) ในมลรัฐ Ohio และ Pennsylvania ซึ่งอยู่ในพื้นที่ PJM และจะรับรู้ค่า Capacity Payment ที่สูงขึ้นเต็มไตรมาส 3Q25 BPP และ GULF มีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยเฉพาะ BPP ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมลรัฐ Texas ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ERCOT ติดตามหน่วยงานกำกับดูแลสาธารณูปโภคสหรัฐฯ ที่อาจเข้ามาดูแลราคาไฟฟ้าสำหรับภาคครัวเรือน โดยอาจผลักภาระให้ภาคอุตฯ หรือจัดสรรกำลังการผลิตสำหรับครัวเรือน (Argus)
IEA ปรับคาดการณ์เติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025 เป็น +740kBD (เพิ่มขึ้น 60kBD) จากอุปสงค์ OECD ที่แข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วยประคองราคาในช่วงที่ผ่านมา และปรับคาดการณ์เติบโตอุปทานปี 2025 ขึ้นเป็น +2.7MBD (เพิ่มขึ้น 200kBD) จาก OPEC+ ที่เพิ่มการผลิต และการผลิตกลุ่ม Non-OPEC+ ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ โดยมุมมองยังแตกต่างกับ OPEC ที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดน้ำมัน
มองตลาดน้ำมันคงมีความไม่แน่นอนจากการเพิ่มสต็อกน้ำมันดิบจีนในช่วงที่ผ่านมาช่วยประคองราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา (Figure 6) ทำให้ราคาไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่ตลาดเผชิญภาวะอุปทานล้นเกินสูงขึ้น (Figure 7) จากอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากฝั่ง OPEC+ และ Non-OPEC+ ขณะที่ฝั่งอุปสงค์ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนและมีปัจจัยมหาภาคกดดันจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอและเศรษฐกิจจีนที่ยังซบเซา แนะนำระมัดระวังการลงทุนในอุตฯ น้ำมันขั้นต้น และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน เชิงพื้นฐาน ทยอยสะสม PRM ซึ่งกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอน ขณะที่มี Upside จากการขยายกองเรือใน 2H25, อุปสงค์ในอาเซียนที่จะสูงขึ้นตามฤดูกาล และค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ ส.ค 2025 จากการเปลี่ยนเส้นทางตามปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (Oilprice.com) และสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ เชิงกลยุทธ์ เก็งกำไร TOP ที่ได้อานิสงส์จากการลด OSP สู่เอเชียของซาอุฯ ใน ต.ค. ซึ่งช่วยลดต้นทุนนำเข้า หลัง OPEC+ ประกาศเพิ่มการผลิตใน ต.ค. และค่าการกลั่นดีเซลที่แข็งแกร่งจากการโจมตีโรงกลั่นรัสเซียที่ต่อเนื่องและยืดเยื้อ (Bloomberg) ท่ามกลางสต็อกที่อยู่ในระดับต่ำ (Figure 8) ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการประชุม OPEC ครั้งถัดไปในวันที่ 5 ต.ค. 2025
ความเสี่ยง: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน, สถานการณ์ในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ, นโยบายพลังงานสหรัฐฯ และไทย, รัสเซีย-ยูเครน, นโยบายการผลิตของ OPEC+