เนื้อหาโดยรวม
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงต้นสัปดาห์ที่ยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นเทคโนโลยีในช่วงอ่อนตัว ประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจมีดังนี้ (1) เงินเฟ้อสหรัฐที่สูงกว่าคาด โดยขยายตัว 3.4% ต่อปี (0.3% ต่อเดือน) สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.1% ต่อปี และ 0.1% ต่อเดือน ตามลำดับ (2) ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงาน ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.02 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 2.1 แสนตำแหน่ง (3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7 แสนตำแหน่ง จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากสาธารณสุขและภาครัฐ แต่ขนส่ง โกดัง และลูกจ้างชั่วคราวแย่ลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีการปรับลดการจ้างงาน 2 เดือนก่อนรวม 3.9 หมื่นตำแหน่ง (4) อัตราการว่างงานสหรัฐทรงตัวที่ 3.7% (5) รายได้ต่อชั่วโมงเฉลี่ย เพิ่มขึ้นที่ 4.1% ต่อปี ขณะที่รายได้เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 3.8% จากเดือนก่อนที่ 3.7% (6) อัตราการมีส่วนรวมที่ลดลงมากโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง (แรงงานอายุน้อย สูงอายุ รวมถึงชั่วคราว) โดยอยู่ที่ 62.5% จาก 62.8% ในเดือนก่อน บ่งชี้ว่าการจ้างงานโดยรวมเปราะบางขึ้น (7) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ISM ภาคบริการสหรัฐเดือน ธ.ค. ลดลงมา 2.1 จุดมาอยู่ที่ 50.6 จุด โดยตัวเลขคำสั่งซื้อใหม่ปรับลดลงมากสุดในรอบ 3 เดือนที่ 52.8 ขณะที่การจ้างงานลดต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 20 ที่ 43.3 (8) ธนาคารโลกประมาณการเศรษฐกิจทศวรรษนี้ว่าเติบโตต่ำกว่าทศวรรษก่อนหน้าจากดอกเบี้ยสูง การค้าโลกที่ตกต่ำและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ลดลงที่ 2.4% จากปีที่แล้วที่ 2.6% และคาดการณ์การค้าโลกขยายตัวที่ 2.3% ในปีนี้จาก 2.7% ที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้า ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและจีนจะขยายตัวที่ 1.6% และ 4.5% ในปีนี้ ชะลอลงจาก 2.5% และ 5.2% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นไทย
•สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงแรงจาก (1) กระแสความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่กลับเข้ามาในตลาด (2) เงินเฟ้อไทยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะหดตัวต่อในไตรมาส 1/24 (3) ประเด็นดอกเบี้ยนโยบายที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่หดตัว และเศรษฐกิจชะลอตัว (4) กระแสข่าวที่ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ห้ามให้รัฐบาลกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการ Digital Wallet แต่ต้องทำให้เข้ากับ พรบ.วินัยการเงินการคลังโดยเฉพาะม. 53 (ประเด็นวิกฤต) และ ม. 57 (ประเด็นคุ้มค่า)
ตลาดพันธบัตร
•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลงที่ 2.72% จากกระแสข่าวที่หลายฝ่ายมองว่าดอกเบี้ยสูงเกินไปและสามารถปรับลดลงได้ ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.30% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,575 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 5 ม.ค. ที่ 78.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 79.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐและพันธมิตรโจมตีฐานทัพกบฎฮูติในเยเมน ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,038.3 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นที่ 102.23 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่ามาอยู่ที่ 145.1 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.10 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 35.06 บาท ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 7.12 หยวน
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Wealth weekend_InnovestX_240112_T