เนื้อหาโดยรวม
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่องและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มเทคฯ สหรัฐที่ดี ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจดูดีขึ้น ทำให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ลดลง โดย (1) ดัชนี US Flash PMI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน สู่ระดับ 52.3 ท่ามกลางการฟื้นตัวของ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) บ่งชี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง (2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจาก U. of Michigan พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 30 เดือน โดยอยู่ที่ 78.8 โดยดัชนีย่อยด้านความคาดหวังเงินเฟ้อลดลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020 (3) จีนเริ่มส่งสัญญาณช่วยเหลือเศรษฐกิจมากขึ้นหลังผู้ว่าฯ ธ. กลางจีนเตรียมลดอัตรากันสำรอง ธ. พาณิชย์ (RRR) ณ 5 ก.พ. ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องอีก 1 ล้านล้านหยวน (4) ดัชนี Eurozone Flash composite PMI ปรับตัวขึ้นสู่ 47.9 จาก 47.6 ในเดือน ธ.ค. แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดคาดที่ 48.0 (5) GDP สหรัฐ ขยายตัว 3.3% ต่อปี เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเครื่องจักรสำคัญในการขยายตัวได้แก่การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2.8% ต่อปี โดยเป็นการบริโภคทั้งสินค้าและบริการ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้านและพักแรม (ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายในช่วงหยุดยาวและเทศกาล) และการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น 3.3% ต่อปี ซึ่งเป็นการใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่น (มลรัฐ) เป็นหลัก ซึ่งน่าจะเป็นการใช้จ่ายตามมาตรการ Build back better ของรัฐบาลไบเดน นอกจากนั้น การลงทุนเอกชนก็ขยายตัวที่ 2.1% โดยเป็นการลงทุนในอุปกรณ์เทคโนโลยีเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องขณะที่นำเข้าขยายตัวต่ำกว่า ทำให้การส่งออกสุทธิเป็นบวกต่อ GDP ถึง 0.43% (Percentage point) ซึ่งเศรษฐกิจที่ร้อนแรง และมีโมเมนตัมส่งต่อมายังไตรมาส 1 ทำให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ลดลงเหลือ 46.2% ขณะที่การลดดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 51.2% (6) ธ. กลางยุโรป (ECB) คงดอกเบี้ยไว้ที่ 4% ขณะที่ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อเสี่ยงลดลง แต่ ECB จะยังจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางต่อเนื่อง (7) ธ. กลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงดอกเบี้ยท่ามกลางเงินเฟ้อที่ลดลง แต่ผู้ว่าการฯ ส่งสัญญาณว่าโอกาสที่เงินเฟ้อในระยะยาวจะเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% เป็นไปได้มากขึ้น ทำให้ตลาดมองว่า BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีแรกมีมาก
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่องและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มเทคฯ สหรัฐ (Magnificent 7) ที่ดี ขณะที่ดัชนี US Flash PMI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน ท่ามกลางการฟื้นตัวของ Manufacturing PMI บ่งชี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจาก U. of Michigan พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 30 เดือน ด้านจีนเริ่มส่งสัญญาณช่วยเหลือเศรษฐกิจมากขึ้นหลังผู้ว่าฯ ธ. กลางจีนเตรียมลดอัตรากันสำรอง ธ. พาณิชย์ (RRR) ณ 5 ก.พ. ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องอีก 1 ล้านล้านหยวน
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องจาก (1) ตลาดกังวลเศรษฐกิจไทยชะลอกว่าคาด หลังมีข่าว สศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี '23-24 ลงต่ำกว่า 2% (2) แรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารหลังผลประกอบการแย่กว่าคาด และ (3) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว โดยมีเงินไหลออกทั้งผ่านตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกว่า 1.1 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์นี้
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.10% หลังตัวเลขเศรษฐกิจร้อนแรง ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ทรงตัวที่ 4.27% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -17 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลงที่ 2.70% จากประมาณการเศรษฐกิจของ สศค. ที่ปรับลดลงมาก ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.33% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,375 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Wealth weekend_InnovestX_240126_T