ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา
  10. กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

ยานยนต์ – EV 3.5 จะช่วยกระตุ้นความต้องการรถ BEV ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

blog_list_heading
02 พ.ย. 2566;
1178
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

auto

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ได้เห็นชอบรายละเอียดการขยายมาตรการสนับสนุนการใช้รถ BEV (รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100%) หรือ EV 3.5 เนื่องจากมาตรการในปัจจุบัน (EV 3.0) จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อจูงใจให้ค่ายรถยนต์เข้าร่วมมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ความต้องการรถ BEV ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ วางแผนเริ่มการผลิตรถ BEV ในประเทศไทยในปี 2567 และเราคาดว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีอยู่เดิมจะมีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อใหม่และยกระดับการปรับตัวเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า AH เป็นหุ้นเด่นของเรา เนื่องจากบริษัทเดินหน้ารุกตลาด EV ชัดเจนกว่าคู่แข่ง

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง EV 3.0 กับ EV 3.5 คือ เงินอุดหนุนจะลดลง และมีภาระผูกพันที่จะต้องผลิตรถ BEV ในประเทศเพิ่มขึ้น ค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 สามารถเข้าร่วมมาตรการ EV 3.5 ได้

เงินอุดหนุนจะลดลง เงินอุดหนุนอิงกับประเภทรถ ขนาดแบตเตอรี่ และราคาขาย ภายใต้มาตรการ EV 3.5 รถยนต์นั่งที่มีขนาดแบตเตอรี่มากกว่า 50kWh และราคาขายไม่เกิน 2 ลบ./คัน เงินอุดหนุนจะปรับลดลงสู่ 50,000-100,000 บาท/คัน (เทียบกับมาตรการ EV 3.0: รถยนต์นั่งที่มีขนาดแบตเตอรี่มากกว่า 30kWh และราคาขายไม่เกิน 2 ลบ./คัน เงินอุดหนุนอยู่ที่ 150,000 บาท/คัน) โดยจะมีการประกาศจำนวนเงินอุดหนุนสุดท้ายหลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม.

มีภาระผูกพันที่จะต้องผลิตรถ BEV ในประเทศเพิ่มขึ้น ค่ายรถยนต์ที่ตัดสินใจนำเข้ารถ BEV เพื่อจำหน่ายภายใต้มาตรการ EV 3.5 ในปี 2567-2568 จะต้องผลิตรถ BEV ในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกภายใน 2 ปี ที่อัตราส่วน 2 คัน ต่อรถ BEV นำเข้า 1 คัน ถ้าเริ่มการผลิตในปี 2569 หรือที่อัตราส่วน 3 คัน ต่อรถ BEV นำเข้า 1 คัน ถ้าเริ่มการผลิตในปี 2570 (เทียบกับมาตรการ EV 0 ที่ 1-1.5 คัน ต่อรถ BEV นำเข้า 1 คัน)

ค่ายรถต่างๆ จะเริ่มผลิตรถ BEV ในประเทศไทยมากขึ้นในปี 2567 ผู้ผลิตรถ BEV หลายค่ายจากจีนสนใจเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้รถ BEV ที่ออกมาใหม่ ซึ่งรวมถึง AION Automobile Manufacturing และ ChangAn Automobile ภายใต้มาตรการ EV 3.0 ในปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ที่นำเข้ารถ BEV เพื่อจำหน่ายในปี 2565-2566 จะต้องผลิตรถ BEV ในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกภายในปี 2567-2568 นับถึงปัจจุบัน ค่ายรถยนต์รายใหม่จากจีน ได้แก่ BYD และ NETA เป็นผู้นำตลาดรถ BEV และวางแผนเริ่มการผลิตในปี 2567 โดยในระยะแรกการผลิตรถ BEV ในประเทศไทยจะมีจำนวนไม่มากนัก อย่างไรก็ดี เรามองว่าการเริ่มผลิตรถ BEV ในประเทศไทยจะเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีอยู่เดิมได้รับคำสั่งซื้อใหม่ และยกระดับการปรับตัวเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เรามองว่า AH เดินหน้ารุกตลาด EV ชัดเจนกว่าคู่แข่งโดยตรงอย่าง SAT และ STANLY ซึ่งยังไม่มีรายได้จากการผลิตชิ้นส่วน EV อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบัน AH ให้บริการผลิตชิ้นส่วนขึ้นรูปโลหะ การฉีดพลาสติก และชิ้นส่วนหล่อสำหรับ EV โดยคิดเป็นสัดส่วน ~5% ของยอดขาย บริษัทกำลังพูดคุยกับค่ายรถยนต์หลายราย รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่มีอยู่ซึ่งวางแผนขยายธุรกิจไปสู่ EV และผู้ผลิต EV จากประเทศจีน สำหรับโอกาสที่อาจเกิดขึ้น

ปัจจัยเสี่ยง 1) ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อรถยนต์ 2) การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ และ 3) ระดับของการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถ ICE ของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีอยู่เดิม

On November 1, 2023, the National Electric Vehicle Policy Committee (the EV board) approved details of an extension of the BEV (100% battery EV) stimulus program (EV 3.5) as the current stimulus (EV 3.0) will end this year. This is to persuade more automakers to join the program to steadily boost domestic BEV demand. Automakers plan to start BEV production in Thailand in 2024 and we expect incumbent auto suppliers to get new orders and raise their level of exposure to the electric vehicle market. AH is our top pick as it is showing the clearest move to this trend.

Key differences between EV 3.0 and EV 3.5: lower incentives and more intense obligations to produce BEVs domestically. Automakers already in the EV 3.0 will be able to move to EV 3.5.

The incentives will be lower. The incentives are based on vehicle type, battery capacity and selling price. Under EV 3.5, the subsidy on a passenger car with a battery capacity of over 50kWh and selling price/unit not over Bt2mn will be reduced to Bt50,000-100,000/unit (in EV 3.0 the subsidy on a passenger car with battery capacity over 30kWh and selling price/unit not over Bt2mn was Bt150,000/unit). The final subsidy decision will be announced after cabinet approval.

Stricter obligation to produce BEVs domestically. Automakers that decide to import BEVs to sell under EV 3.5 in 2024-25 are obligated to produce BEVs in Thailand for domestic sale and for export within two years at a ratio of 2 units produced for each vehicle imported if they start production in 2026 or at a ratio 3 units per imported vehicle if they start production in 2027 (vs. EV 3.0 at 1-1.5 per imported vehicle).

More BEVs to start production in Thailand in 2024. Several BEV automakers from China are interested in participating in the new BEV stimulus, including AION Automobile Manufacturing and ChangAn Automobile. Under the current EV 3.0 stimulus program, automakers that import BEVs to sell in 2022-23 are obligated to produce BEVs in Thailand for domestic sale and for export within 2024-25. So far, new automakers from China, BYD and NETA, are leading the BEV market and plan to start production in 2024. Initially, BEV production in Thailand will be small but we see this as an opportunity for incumbent auto parts suppliers to start to get new orders and raise their level of adaptation to electric vehicles (EVs). In our view, AH has the clearest move to EVs versus direct peers SAT and STANLY, who have insignificant exposure to EVs. Currently, ~5% of sales comes from its provision of metal forming parts, plastic injection and casting parts for EV models. It is talking with several automakers, including existing internal combustion engine (ICE) makers who plan to expand to EVs and EV makers from China to get in on opportunities as they arise.

Risks. 1) Economic uncertainty, rising cost of living and interest rates that may derail auto demand, 2) semiconductor shortages and 3) the level of adaptation to the move from ICE by incumbent auto parts suppliers.

PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม  AUTO231102_T 
PDF Click  AUTO231102_E

กลับด้านบน