ราคาหุ้น CPALL ปรับตัว outperform SET อยู่ 7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และ 4% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะปรับตัว outperform ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนดังต่อไปนี้ ปัจจัยแรก กำไรปกติ 4Q66 เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (+85% YoY) และดีกว่าคาดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง ปัจจัยที่สอง SSS ใน 1Q67TD ที่เติบโตสูงกว่า 3.6% YoY ในธุรกิจ CVS และ 5% YoY ที่ธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C จาก CPAXT ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ ปัจจัยที่สาม เราปรับประมาณการกำไรปี 2567-2568 ของ CPALL เพิ่มขึ้นปีละ 3% เพื่อสะท้อนการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 4Q66 และ 1Q67TD รวมถึง synergy จากการควบ CPAXT กับ Ek-Chai ในปี 2568 เราแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 75 บาท (จาก 74 บาท) ปัจจัยกระตุ้น#1: กำไร 4Q66 ดีเกินคาดจากมาร์จิ้น เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ กำไรสุทธิ 4Q66 ของ CPALL อยู่ที่ 5.5 พันลบ. +75% YoY และ +24% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ 15-20% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด อันเป็นผลมาจาก: 1) อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นจาก CPRAM (ยอดขายสินค้า RTE ดีขึ้นท่ามกล่างต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง) และความสำเร็จของแคมเปญแสตมป์ของ CPALL (มีการนำแสตมป์มาแลกสินค้าพรีเมี่ยมมากกว่าใช้แทนเงินสด); 2) อัตรากำไรขั้นต้นจาก CPAXT (CPALL ถือหุ้น 60%) ที่ธุรกิจ B2C ลดลงในอัตราที่น้อยลง หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 116 ลบ ออกไป พบว่ากำไรปกติ 4Q66 อยู่ที่ 5.6 พันลบ. +85% YoY และ +31% QoQ กำไรปกติที่เติบโตก้าวกระโดด YoY มีปัจจัยบวกสนับสนุนดังต่อไปนี้ ปัจจัยแรก ยอดขายและมาร์จินธุรกิจ CVS ปรับตัวดีขึ้น โดย SSS เติบโต 3.6% YoY มีการขยายสาขาสู่ 14,545 สาขา ณ สิ้น 4Q66 (+5% YoY, +1% QoQ) และอัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้น (+70bps YoY) จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นที่ CPRAM ความสำเร็จของแคมเปญแสตมป์ และมาร์จิ้นการผสมผสานของสินค้าภายในร้านที่ดีขึ้น (+30bps YoY โดยรวม; +20bps YoY สำหรับสินค้ากลุ่มอาหารจากการมียอดขายสินค้า RTE ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น และ +80bps YoY สำหรับสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหารจากการมียอดขายสินค้าของใช้ส่วนตัวและดูแลสุขภาพที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น และยอดขายบุหรี่ที่มีมาร์จิ้นต่ำลดลง) ปัจจัยที่สอง CPALL บันทึกอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายลดลงจากฐานค่าใช้จ่ายโบนัสที่สูงใน 4Q65 และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ปัจจัยที่สาม กำไรปกติ 4Q66 ของ CPAXT เพิ่มขึ้นสู่ 3.3 พันลบ. +22% YoY และ +91% QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงและยอดขายที่ดีขึ้น ท่ามกลาง EBIT margin ในระดับทรงตัว เงินปันผลปี 2566 อยู่ที่ 1 บาท/หุ้น (XD วันที่ 7 พ.ต.) ปัจจัยกระตุ้น#2: SSS เติบโตโดดเด่นมากกว่ากลุ่มใน 2567TD แม้เศรษฐกิจเปราะบาง แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและยอดขายจากช่องทาง O2O ที่ดี (11% ของยอดขายในปี 2566 เทียบกับ 10% ในปี 2565) ใน 2567TD SSS ของ CPALL จึงเติบโตใกล้เคียงกับ 4Q66 เป็นอย่างน้อยที่ 3.6% YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ ในขณะเดียวกันการปรับปรุงธุรกิจใน 2567TD ส่งผลทำให้ SSS ของ CPAXT เติบโตดีที่สุดในกลุ่ม SSS เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY ที่ธุรกิจ B2B จากยอดขายสินค้ากลุ่มอาหาร และสูงกว่าตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY ที่ธุรกิจ B2C จากยอดขายสินค้าอาหารสดและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แข็งแกร่งหลังจากที่มีจำหน่ายทั้งในร้านและออนไลน์ ด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งใน 1Q67TD มาร์จิ้นที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจาก CPAXT เราจึงคาดว่ากำไร 1Q67 ของ CPALL จะเติบโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยกระตุ้น#3: การปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2567-2568 ของ CPALL เพิ่มขึ้นปีละ 3% เพื่อสะท้อน: 1) ธุรกิจ CVS ที่แข็งแกร่งใน 4Q66 และ 1Q67TD; 2) การปรับประมาณการกำไรของ CPAXT เพิ่มขึ้นจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ใน 1Q67TD และกำไรส่วนเพิ่ม (หลังภาษี) จากการผนึกกำลังทางธุรกิจหลังจากควบ CPAXT กับ Ek-Chai แล้วเสร็จที่ประมาณ 500 ลบ. ในปี 2568 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S) |
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก CPALL_HighConviction240227_T |