CRC เป็นหุ้น laggard ของกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง 8% เทียบกับกลุ่มพาณิชย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับ SSS ที่หดตัวลงใน 4Q66 และการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลง เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เราคาดว่าราคาหุ้น CRC จะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก: 1) SSS ที่กลับมาเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY ใน 1Q67TD นำโดยการฟื้นตัวของ SSS ในประเทศเวียดนาม; 2) กำไรส่วนเพิ่มจากธุรกรรมการซื้อที่ดิน (หนุนให้กำไรปี 2567 ปรับขึ้นได้อีก 3%; กำไรปกติปรับขึ้นได้อีก 1% และกำไรพิเศษ 2% ใน 2Q67; 3) โอกาสทำ M&A ในธุรกิจหลักในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เราแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ CRC โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 44 บาท ปัจจัยกระตุ้น#1: SSS กลับมาเติบโต YoY ใน 1Q67TD ใน 1Q67TD เราประเมินได้ว่า SSS ของ CRC กลับมาเติบโต 2% YoY (เทียบกับ -3% YoY ใน 4Q66) หลักๆ เกิดจากการฟื้นตัวของ SSS จากประเทศเวียดนาม โดยในประเทศเวียดนาม เราคาดว่า SSS จะเติบโต 5% YoY โดยเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY ในกลุ่มฟู้ด แต่ -25% YoY ในกลุ่มฮาร์ดไลน์ (เทียบกับ -16% YoY ใน 4Q66, -11% YoY ในกลุ่มฟู้ด และ -34% YoY ในกลุ่มฮาร์ดไลน์) ในประเทศอิตาลี เราคาดว่า SSS จะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY (เทียบกับ +9% YoY ใน 4Q66) ในประเทศไทย เราคาดว่า SSS จะอยู่ในระดับทรงตัว YoY (เทียบกับ -1% YoY ใน 4Q66) โดยเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY ในกลุ่มแฟชั่นและกลุ่มฟู้ด แต่ลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำในกลุ่มฮาร์ดไลน์การหยุดชะงักของยอดขายจากการปรับปรุงร้านไทวัสดุ และงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า ปัจจัยกระตุ้น#2: การซื้อที่ดินใน 2Q67 จะหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น เพิ่มสัดส่วนที่ดินที่ถือครองกรรมสิทธิ์ และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสทำ IPO สำหรับไทวัสดุ คณะกรรมการของ CRC ได้มีมติอนุมัติการซื้อที่ดินสำหรับการประกอบธุรกิจรวมทั้งสิ้น 24 แห่ง มูลค่า 5.6 พันลบ. จากผู้ขายที่ดิน (บริษัทซึ่งบริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HDCS) ถือหุ้น 99.99%; นอกจากนี้ HDCS ยังถือหุ้น 35.1% ใน CRC ด้วย) สถานที่ตั้งประกอบด้วย 1) สาขาของไทวัสดุ 22 สาขา; 2) สาขาของ Tops Plaza 1 สาขา 3) ศูนย์กระจายสินค้าสำหรับสาขา Tops โดยทั้งหมดนี้ CRC ได้มีการเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินกับผู้ขายที่ดิน ซึ่ง CRC มองว่าผลการดำเนินงานของร้านเหล่านี้แข็งแกร่ง ท่ามกลางขนาดที่ดินและราคาที่เหมาะสม CRC ตั้งเป้าที่จะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในบริษัท ธุรกรรมนี้จะถูกเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในวันที่ 25 เม.ย. โดยมีกำหนดแล้วเสร็จใน 2Q67 เหตุผลในการเข้าทำรายการมีดังนี้: 1) ราคาเข้าซื้อต่ำกว่าราคาประเมินที่ดินโดยผู้ประเมินราคาอิสระอยู่ 21-28%; 2) การเปลี่ยนแปลงจากสัญญาเช่าที่ดินเป็นการซื้อที่ดินจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่า และหนุนให้กำไรปกติของ CRC ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 112 ลบ./ปี โดยจะมีกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (หลังหักภาษี) จากส่วนต่างระหว่างสิทธิในการใช้สินทรัพย์กับหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 208 ลบ. ใน 2Q67 3) สัดส่วนที่ดินที่ถือครองกรรมสิทธิ์สำหรับร้านไทวัสดุจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเกือบ 40% (จาก 6%) เทียบกับคู่แข่งร้านวัสดุก่อสร้างที่ 80-90% ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจและลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดิน รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสในการทำ IPO เมื่อได้ valuation ที่เหมาะสม ปัจจัยกระตุ้น#3: โอกาสทำ M&A เพื่อสนับสนุนการเติบโตนอกเหนือจากการขยายธุรกิจปกติ CRC ยังมองหาโอกาสทำ M&A สำหรับธุรกิจหลักในกลุ่มแฟชั่น กลุ่มฟู้ด และกลุ่มฮาร์ดไลน์ในประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูงในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โดยธุรกิจที่ศึกษาจะต้องมีรายได้เกิน 0.5-1 หมื่นลบ./ปี และต้องเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรส่วนเพิ่ม เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (ไม่รวมสัญญาเช่า) ที่ 1 เท่า ณ สิ้นปี 2566 เทียบกับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับ comfortable ของบริษัทที่ 2 เท่า CRC จึงมีโอกาสที่จะเพิ่มหนี้ได้สูงถึง 7 หมื่นลบ. ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ (E) แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S) | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก CRC_HighConviction240304_T
|