แม้ราคาหุ้น PTTEP ไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และ outperform SET ที่ปรับตัวลดลง 2% แต่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน (เบรนท์) ที่เพิ่มขึ้น 14% ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนถึงความกังวลที่ตลาดมีต่อราคาน้ำมันที่ผันผวนและการขาด sentiment เชิงบวกในตลาดหุ้นไทยโดยรวม เราเชื่อว่ากำไรที่แข็งแกร่งใน 2Q67 และราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากงบดุลยังคงแข็งแรง เราคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ในระดับที่ดีที่ 2.1 หมื่นลบ. ใน 2Q67 โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและ ASP ในระดับทรงตัว เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ PTTEP โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 204 บาท ซึ่งอิงกับราคาน้ำมันเบรนท์ระยะยาวที่ US$70/bbl ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ปัจจัยกระตุ้น #1: กำไร 2Q67 จะยังคงแข็งแกร่ง การทำพรีวิวผลประกอบการ 2Q67 (ประกาศ 30 ก.ค.) บ่งชี้ว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.17 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2.9% YoY และ 15.9% QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น (+14.1% YoY และ +7.3% QoQ) สู่ 508kBOED ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Block G1/61 ในอ่าวไทย (เอราวัณ) แม้ว่าปริมาณการขายจะต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ก่อนหน้านี้ที่ 514kBOED ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตที่โครงการในประเทศมาเลเซีย (Sabah K และ SK309) ต่ำกว่าที่วางแผนไว้ ขณะที่คาดว่า ASP จะเพิ่มขึ้น 4% YoY และ 1% QoQ สู่ US$47.56/BOE จากราคาก๊าซที่ทรงตัวและราคาผลิตภัณฑ์ของเหลวที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าต้นทุนต่อหน่วยที่ US$28.8/BOE ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ผลกระทบสุทธิของรายการพิเศษน่าจะไม่มีนัยสำคัญ เนื่องจากขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ของแหล่ง Oliver ในประเทศออสเตรเลียจะถูกชดเชยเป็นส่วนใหญ่โดยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่อ่อนค่า นอกจากนี้กำไร/ขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันก็น่าจะมีจำนวนน้อยมากใน 2Q67 ปัจจัยกระตุ้น #2: ราคาน้ำมันกลับสู่ทิศทางขาขึ้น ราคาน้ำมันเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ >US$86-87/bbl หลังจากลดลง 19% จากจุดสูงสุดของปีนี้ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อในตะวันออกกลางและยุโรป ประกอบกับความกังวลว่าฤดูพายุเฮอริเคนที่รุนแรงกว่าคาดในสหรัฐฯ จะทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในมุมมองของเรา แนวโน้มเช่นนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุน ASP ใน 2H67 ของ PTTEP โดยเฉพาะราคาก๊าซ เนื่องจากมี lag time ในการปรับราคา เราคาดว่าภาพดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับราคาก๊าซประจำปีรอบต่อไปในเดือนต.ค. ทั้งนี้ราคาน้ำมันเบรนท์เฉลี่ย YTD ที่ US$84.9/bbl เพิ่มขึ้น 7% YoY และยังคงสอดคล้องกับสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2567 ของเราที่ US$85/bbl ปัจจัยกระตุ้น #3: งบดุลที่แข็งแรงจะช่วยสนับสนุนการเติบโต อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ PTTEP ที่ <0.2 เท่าในปี 2567-2559 บ่งชี้ว่างบดุลของบริษัทยังคงสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว เงินสดในมือที่บริษัทมีอยู่เกือบ US$4 พันล้าน (หลังหักเงินปันผลและภาษีเงินได้) จะทำให้บริษัทสามารถลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงได้หากมีโอกาสเกิดขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะยังคงการจ่ายเงินปันผลในปี 2567 โดยให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล >6% กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ เรายังคงราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ของ PTTEP ไว้ที่ 204 บาท (สิ้นปี 2567) ซึ่งอิงกับราคาน้ำมันเบรนท์ระยะยาวที่ US$70/bbl ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ US$72/bbl ทั้งนี้สมมติฐานปริมาณการขายของเราต่ำกว่าเป้าของ PTTEP อยู่ 3% เพื่อเป็นส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (margin of safety) ปัจจุบันหุ้น PTTEP เทรดที่ PBV (ปี 2567) ระดับ 1.1 เท่า หรือ -0.3SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี ขณะที่ ณ ราคาเป้าหมายของเรา หุ้น PTTEP จะเทรดที่ PBV ปี 2567 ระดับ 1.5 เท่า หรือ +1SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี สะท้อนถึงตลาดน้ำมันที่ดีขึ้น ปัจจัยเสี่ยง: 1) ราคาน้ำมันดิบผันผวน 2) ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น 3) การด้อยค่าของสินทรัพย์ และ 4) การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด |
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก PTTEP_HighConviction240708_T
|