| ระวังแรงขายอีกครั้งบริเวณ 1400 จุด |
คาด SET มี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1392 จุด และแนวต้านสำคัญเดิมบริเวณ 1400 จุด ซึ่งการขึ้นทดสอบครั้งก่อนยังไม่ผ่าน ดังนั้นให้ระวังแรงขายบริเวณแนวต้านดังกล่าวให้กลับมาอ่อนตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ ทั้งนี้ กรณีขึ้นทะลุ 1400 จุด จะเป็นสัญญาณบวกต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด |
| ประเด็นสำคัญ |
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.พ. ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.75 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาด ส่วนอัตราการว่างงาน ก.พ. เพิ่มขึ้นที่ระดับ 3.9% หลังทรงตัวที่ระดับ 3.7% เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน• BOJ กำลังพิจารณาการยกเลิกมาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) และจะแจ้งแผนการล่วงหน้าเกี่ยวกับจำนวนการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) แทนการใช้มาตรการ YCC• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ก.พ. ของจีนปรับขึ้น 0.7%YoY พลิกฟื้นขึ้นหลังจากลดลง 0.8% ในเดือน ม.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก.พ. ลดลง 2.7%YoY หลังจากลดลง 2.5% ในเดือน ม.ค.• สหรัฐพิจารณาคว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยีของจีนหลายแห่ง ขณะที่จีนระดมทุนกว่า 2.7 หมื่นล้านเหรียญสำหรับกองทุนชิปขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรีบมือสหรัฐที่พยายามขัดขวางความก้าวหน้าของจีน• TSMC เตรียมลงทุน 4 หมื่นล้านเหรียญเพื่อสร้างโรงงาน 2 แห่งในรัฐแอริโซนา และได้เจรจาเรื่องเงินอุดหนุนกับรัฐบาลสหรัฐ คาดจะได้รับเงินอุดหนุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญ• กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 สูงสุด 5.43 บ./หน่วย ต่ำสุดคงเดิม 4.18 บ./หน่วย ด้าน ก.พลังงานระบุ ปชช. ใช้ไฟสูงสุดอยู่ที่ 32,704 MW และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากปีนี้ฤดูร้อนมาเร็ว ทั้งยังสั่งการให้ กฟผ.ดูแลมิให้เกิดไฟฟ้าดับ• สบน. ระบุระดับหนี้สาธารณะปรับขึ้นมาอยู่ที่กว่า 62% ต่อ GDP หลังรัฐบาลกู้เงินเพื่อนำมาใช้ดูแล ศก. ในช่วงโควิด แต่ด้านความเสี่ยงการบริหารหนี้ยังอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ และอยู่ในกรอบวินัยการคลัง |
| กลยุทธ์การลงทุน |
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่นและยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ส่วนดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ อาจจะเติบโตสูงกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” |
| ล็อคเป้าลงทุน |
| Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET ยังผันผวนในกรอบ หลังยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้1) หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK BBL PTT2) หุ้นเก็งกำไรหากเงินเฟ้อ ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งคาดส่ง Sentiment บวกต่อหุ้นที่ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง เลือก AP CPALL GULF TIDLOR3) หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง |
| Daily Top picks |
| SCGP มองราคาหุ้นปรับลงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ขณะที่ 1Q67 คาดกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น หนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศจีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยจำกัด downside riskTIDLOR มองกำไรจะฟื้นตัวแข็งแกร่ง คาดกำไรปกติปี 2567 จะพลิกเติบโต 18.7%YoY หนุนจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี และ credit cost ที่ลดลงหลังจาก NPL เกิดใหม่น่าจะทำจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2566 ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรโตต่อ 25%YoY หลักๆ เกิดจาก credit cost ที่ลดลง |
| บทวิเคราะห์วันนี้ |
CHG – แรงกดดันมาร์จิ้นจากโครงการลงทุนใหม่ |
| ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Daily240311_T |
| Be wary of selling at 1400 |
| Market today |
The SET is expected to have limited upside with resistance at 1392 and a more significant one at 1400, which the index previously failed to test. Be cautious of selling at resistance, which may lead to a weakening in the index. Supports are at 1380 and 1370. If it can break through 1400, signs will be positive, with next resistance at 1410. |
| Today’s highlights |
• US nonfarm payrolls grew by 275,000 in Feb, exceeding expectations. Unemployment rate rose to 3.9% after being unchanged at 3.7% for the last 3 months.• The Bank of Japan (BOJ) is considering ending its Yield Curve Control (YCC) policy and will announce plans regarding the amount of Japanese Government Bonds (JGB) purchases as an alternative to using YCC.• China CPI in Feb increased by 0.7%YoY, rebounding from a 0.8% decline in Jan. However, the PPI in Feb decreased by 2.7%YoY after a 2.5% decline in Jan.• The US is considering restricting several Chinese technology companies, while China is raising over US$2.7tn for a large chip fund to accelerate technology development, challenging the US's attempts to hinder China's progress.• TSMC is planning to invest US$40bn to build two factories in Arizona and is negotiating financial incentives with the US government, expecting to receive more than US$5bn.• The Energy Regulatory Commission is soliciting public opinion on electricity tariffs for the May-Aug 2024 period, with the maximum rate set at Bt5.43/unit and the minimum rate remaining at Bt4.18/unit. The Ministry of Energy says peak electricity usage reached 32,704 MW, with a continuous upward trend due to the early arrival of hot season and instructed EGAT to prevent power outages.• The Public Debt Management Office reported the public debt level has increased to over 62% of GDP after the government borrowed funds to manage the COVID-19 pandemic. However, the debt remains manageable and within fiscal discipline boundaries. |
| Strategy today |
In the short term, the Thai stock market is expected to swing in a bound with a significant resistance at 1400 as there is no new domestic catalyst. External economic figures to be reported this week include Japan 4Q23 GDP, US retail sales (expected to be weak) and US CPI in Feb (expected to be higher than market estimates and pressure the hopes of an interest rate cut by the Fed). The strategy is “Selective Buy”. |
| Trading today |
Weekly portfolio: In the short term the SET is expected to swing in a bound without a new catalyst. We recommend “Selective Buy” in four main themes: 1) Speculative stocks with strong fundamentals being bought back to cover shorts and bringing fund inflow, plus the SET’s plans to introduce some measures to regulate short selling – AOT, KBANK, BBL and PTT. 2) Speculative stocks if US inflation in Feb comes in below expectations, which will brighten sentiment to stocks that benefit from a downward interest rate cycle – AP, CPALL, GULF and TIDLOR. 3) Small-cap speculative stocks with strong fundamentals and growth expected in 2024 plus stock price already bottomed – AU, ONEE, SECURE, KLINIQ and HTC. 4) Long-term investors are recommended to invest via DCA accumulation as now would be good timing since the SET has fallen significantly, risk is low and stocks are undervalued – BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT and SCC, all of which are in SET100 and are leaders in their industries with ESG ratings of AAA and AA, valuation lower than 10-year historical average and strong operating results. |
| Daily top picks |
SCGP: The drop in stock price is expected to already reflect the negatives. 1Q24 core profit is expected to improve, supported by recovery in packaging paper as Chinese packaging paper price will continue to rise in tandem with higher imports, thereby limiting downside risk.TIDLOR: Profit is expected to recover strongly, with 2024 core profit forecast to grow 18.7%, supported by growing loans and fee revenue and lower credit cost as new NPLs are believed to have peaked in 2023, while in 2025 profit is expected to grow 25% from lower credit cost. |
Today’s reports |
CHG – Margin pressured by new hospitals |
| Click here to read and/or download file Daily240311_E |
