SSF Block Trade เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย Single Stock Futures (SSF) แบบล็อตใหญ่ผ่านบริษัทหลักทรัพย์โดยตรง และในช่วงที่ผ่านมา TFEX ได้ปรับเกณฑ์ขั้นต่ำในหุ้นอ้างอิงลงหลายตัว ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเข้า SSF Block Trade ได้ง่ายและคล่องตัวมากขึ้น ทำให้ต้นทุนในการถือสถานะ Long หรือ Short ลดลงกว่าสมัยก่อนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่สนใจใช้ Block Trade ไม่ว่าเพื่อการเก็งกำไร (Speculation) หรือป้องกันความเสี่ยงพอร์ต (Hedging)
SSF Block Trade คืออะไร?
SSF Block Trade คือบริการที่บริษัทหลักทรัพย์เข้ามาช่วย “จับคู่” คำสั่งซื้อขาย Single Stock Futures (SSF) ปริมาณมาก โดยบริษัทหลักทรัพย์จะทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาให้นักลงทุน ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าจะได้ราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดจริง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องในกระดานซื้อขาย SSF
ด้วยเหตุนี้ Block Trade จึงกลายเป็น “ทางลัด” ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างสถานะหุ้นล็อตใหญ่ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะในหุ้น Blue Chip ที่มักถูกถือครองในระยะยาว
และเพื่อเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น ล่าสุด Fitch Ratings ได้ยืนยันอันดับเครดิตของ InnovestX Securities ที่ระดับ AA(tha) พร้อมแนวโน้ม (Outlook) Stable ซึ่งถือเป็นระดับสูงในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ไทย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเสถียรภาพทางการเงิน ในฐานะบริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เครือเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์
ดังนั้น นักลงทุนจึงสามารถเชื่อมั่นได้ว่า การลงทุนหรือการใช้บริการผ่าน InnovestX ไม่เพียงแต่ให้โอกาสในการเข้าถึงหุ้นล็อตใหญ่ผ่าน Block Trade เท่านั้น แต่ยังอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยและมาตรฐานระดับสากลอีกด้วย
ทำไม SSF Block Trade ถึงน่าสนใจ?
เสน่ห์หลักของ SSF Block Trade อยู่ที่ Leverage หรืออัตราทด โดยนักลงทุนใช้เงินประกันโดยเฉลี่ยเพียง 10–20% ของมูลค่าสัญญา แต่สามารถควบคุมหุ้นได้เต็มจำนวน เช่น หากหุ้น A มีมูลค่า 100,000 บาท นักลงทุนอาจใช้เงินแค่ 10,000–20,000 บาทในการเปิดสถานะ Block Trade ได้
ข้อดีอีกอย่างคือสามารถทำกำไรได้ทั้งสองทาง โดยหากนักลงทุนคิดว่าหุ้นจะขึ้น สามารถเปิดสถานะ Long แต่ถ้าคิดว่าหุ้นจะลง ก็สามารถเปิดสถานะ Short ต่างจากการลงทุนหุ้นปกติที่ทำกำไรได้เฉพาะเวลาราคาขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ SSF Block Trade ยังเป็นเครื่องมือ Hedging ชั้นดีสำหรับผู้ที่ถือหุ้นอยู่แล้ว เช่น หากมีหุ้นในพอร์ตและกังวลว่าราคาจะตก การ Short SSF ผ่าน Block Trade จะช่วยชดเชยผลขาดทุนในพอร์ตได้บางส่วนหรือทั้งหมด
ใครเหมาะกับการใช้ SSF Block Trade?
นักเก็งกำไรระยะสั้น
ผู้ที่ต้องการใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ โดยเฉพาะเวลามีข่าวหรือปัจจัยที่อาจทำให้หุ้นเคลื่อนไหวแรง การใช้ SSF Block Trade จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนเร็วขึ้น แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย
นักลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นอยู่แล้ว
นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ในพอร์ต และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น สามารถใช้ SSF Block Trade เปิดสถานะ Short SSF เพื่อชดเชยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในพอร์ต เป็นการใช้ Block Trade ในมุมของการ Hedge มากกว่าเก็งกำไร
ผู้ที่มีทุนจำกัดแต่ต้องการเข้าถึงหุ้นใหญ่
หุ้น Blue Chip หลายตัวมีราคาสูง หากซื้อหุ้นจริงอาจต้องใช้เงินหลักหลายแสนบาท แต่หากนักลงทุนเปิดสถานะผ่าน SSF Block Trade จะใช้มาร์จินเฉลี่ยเพียง 10-20% ก็สามารถมีสถานะเที่ยบเท่าการซื้อขายหุ้นได้ตามจำนวนที่ต้องการ จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงหุ้น Blue Chip ได้ง่ายยิ่งขึ้น
นักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงของ Leverage
Leverage ขยายทั้งกำไรและขาดทุนในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น ผู้ที่เหมาะกับการใช้ SSF Block Trade คือ ผู้ที่มีประสบการณ์ใช้เครื่องมืออนุพันธ์ในการลงทุนมาก่อน หรือมีวินัยในการวางจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และการบริหารเงินทุนอย่างรัดกุม (Strict Money Management)
ตัวอย่างการใช้ Block Trade
นาย A ต้องการซื้อหุ้น PTT จำนวน 100,000 หุ้น ที่ราคา 33 บาทต่อหุ้น
1) ถ้านาย A ซื้อหุ้น PTT ทั้ง 100,000 หุ้นในกระดาน SET จะต้องใช้เงินทุน 33 x 100,000 = 3,300,000 บาท
2) ถ้าเปิดสถานะ Long PTTZ25 100 สัญญา ผ่าน Block Trade (IM PTTZ25 = 1,925 บาท/สัญญา ณ วันที่ 22 กันยายน 2568) นาย A จะใช้เงินทั้งหมด 1,925 x 100 = 192,500 บาท
ดังนั้น นาย A จะใช้ Leverage ที่ 3,300,000/192,500 = 17.14 เท่า
หากหุ้น PTT ขยับขึ้นเป็น 34 บาท
1) ถ้าซื้อหุ้นจริง นาย A จะได้กำไรจากการลงทุน 100,000/3,300,000 = 3.03%
2) ถ้าเปิดสถานะ Long PTTZ25 100 สัญญา ผ่าน Block Trade นาย A จะได้กำไร (34 – 33) x 1,000 x 100 = 100,000 บาทเช่นกัน แต่คิดเป็นกำไรเทียบเงินลงทุน 100,000/192,500 = 51.95% (Leverage 17.14 เท่า)
แต่ถ้าหุ้น PTT ขยับลงเป็น 32 บาท นาย A จะขาดทุนในจำนวนเดียวกันทั้งสองกรณี
*ตัวอย่างนี้ใช้สำหรับอธิบายกรณีศึกษาเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมระหว่างหุ้นกับ SSF Block Trade
มูลค่าหุ้นอ้างอิง (บาท) |
อัตราค่าคอมมิชชั่น(%) |
ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่าย (บาท) |
เงินลงทุนที่ใช้จริง (บาท) |
|
---|---|---|---|---|
ซื้อหุ้น PTT บนกระดาน SET |
3,300,000 |
0.20 |
6,600 |
3,300,000 |
ซื้อ SSF Block Trade |
3,300,000 |
0.10 |
3,300 |
192,500 |
ส่วนต่างค่าคอมมิชชั่น 6,600– 3,300 = 3,300 บาท ลดลงราว 50%
*ตัวอย่างการเปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดย IM อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศ TFEX
สิ่งที่นักลงทุนควรรู้
การทำ SSF Block Trade มี “เกณฑ์ขั้นต่ำ” โดยปัจจุบัน TFEX กำหนดจำนวนสัญญาซื้อขายขั้นต่ำแตกต่างกันไปตามหุ้นอ้างอิง โดยปัจจุบันมีจำนวนสัญญาขั้นต่ำอยู่ที่ 20,50 ,100, 500 และ 1,000 สัญญา ขึ้นอยู่กับหุ้นอ้างอิง (Underlying Stock) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศจาก TFEX
นักลงทุนสามารถตรวจสอบจำนวนสัญญาซื้อขายขั้นต่ำได้ที่หน้า InnovestX Block Trade
อีกเรื่องที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม คือ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม นักลงทุนจึงควรคำนวณต้นทุนก่อนเสมอ โดยสามารถศึกษาการคำนวณค่าใช้จ่ายได้ที่หน้า บริการซื้อขาย Single Stock Futures
และอย่าลืมว่า Leverage เป็นดาบสองคม หากคาดการณ์ผิดทาง ผลขาดทุนก็จะขยายได้เช่นเดียวกับกำไร ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Block Trade ก่อนลงทุนจริง
👉ดูรายละเอียดบริการ Block Trade ของ InnovestX
TFEX
🚀 ลงทุน TFEX เข้าถึงโอกาสทำกำไรในตลาดอนุพันธ์ได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้ว
เพียงแค่เปิดบัญชีกับ InnovestX และ Activate บัญชี TFEX
1. เปิดบัญชี InnovestX 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
2. Activate TFEX: อ่านขั้นตอนการเปิดใช้บริการ 👉 https://www.innovestx.co.th/products/derivatives/product-tfex
⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งที่รับประกันผลงานในอนาคต เงินลงทุนอาจสูญหาย และควรศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุน