ผลประกอบการ 3Q67 ของ KTC ออกมาตามคาด โดยสะท้อนถึง: 1) NPL และ credit cost ที่ลดลง QoQ 2) สินเชื่อในระดับทรงตัว 3) NIM ที่ดีขึ้น 4) non-NII ในระดับทรงตัว QoQ และ 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้น เราคาดว่ากำไรจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY ใน 4Q67 เรายังคงคำแนะนำ UNDERPERFORM สำหรับ KTC และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 39 บาท เนื่องจาก valuation แพง และกำไรมีแนวโน้มเติบโตต่ำ
3Q67: ผลประกอบการออกมาตามคาด KTC รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 1.92 พันลบ. (+5% QoQ, +3% YoY) เป็นไปตาม INVX และ consensus คาด
รายการที่สำคัญ:
1) คุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วน NPL ลดลง 4 bps QoQ credit cost ลดลง 32 bps QoQ สู่ 6.11% LLR coverage เพิ่มขึ้นจาก 363% ณ 2Q67 สู่ 373%
2) การเติบโตของสินเชื่อ: ทรงตัวทั้ง QoQ และ YoY และ -5% YTD
3) NIM: NIM เพิ่มขึ้น 19 bps QoQ (-30 bps YoY) อัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 21 bps QoQ (-28 bps YoY) ต้นทุนทางการเงินลดลง 1 bps QoQ (+25 bps YoY)
4) Non-NII: non-NII เพิ่มขึ้น 1% QoQ (+19% YoY)
5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: +92 bps QoQ (+85 bps YoY) opex เพิ่มขึ้น 4% QoQ (+9% YoY)
แนวโน้มกำไร 4Q67 และปี 2568 กำไร 9M67 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา (+2%) เราคาดว่ากำไร 4Q67 จะอยู่ในระดับทรงตัวทั้ง QoQ (รายได้ที่ดีขึ้นจะถูกหักล้างโดย opex ที่สูงขึ้น) แต่จะเพิ่มขึ้น YoY (non-NII สูงขึ้น) เราคาดว่ากำไรปี 2568 จะเติบโต 3% ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่เติบโต 3% NIM ที่ลดลง (จากการให้เครดิตเงินคืนเทียบเท่าดอกเบี้ย 0.5% ของยอดค้างชำระสินเชื่อบัตรเครดิตใน 1H68 และ 0.25% ใน 2H68) credit cost ที่ลดลงเล็กน้อย และ non-NII ที่ดีขึ้น
คงคำแนะนำ UNDERPERFORM และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 39 บาท (อิงกับ PBV ปี 2568 ที่ 2.2 เท่า) เนื่องจาก valuation แพง และกำไรมีแนวโน้มเติบโตต่ำ
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง 2) การปรับเพิ่มอัตราชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตจาก 8% เป็น 10% 3) มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท. และ 4) ความเสี่ยงด้าน ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct)