เราคาดการณ์กำไรปกติ 4Q65 ของ SCGP ที่ 980 ลบ. -28% YoY และ -35% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายที่ลดลงซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายและมาร์จิ้น เราปรับประมาณการกำไรปกติลดลง 12% ในปี 2565 และ 8% ในปี 2566 เพื่อสะท้อนปริมาณการขายและมาร์จิ้นที่ลดลง เราคาดว่ากำไรของ SCGP จะเติบโต 20% YoY ในปี 2566 จากการรับรู้ต้นทุน RCP ระดับต่ำใน 1H66 (ปรับตัวตามหลัง spot price อยู่ 4-5 เดือน) และปริมาณการขายที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นใน 1H66 โดยจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้นใน 2H65 จากการเปิดประเทศของจีน เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ SCGP ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 65 บาท
เราคาดการณ์กำไรปกติ 4Q65 ของ SCGP ที่ 980 ลบ. -28% YoY และ -35% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายที่ลดลงซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายและมาร์จิ้น เราปรับประมาณการกำไรปกติลดลง 12% ในปี 2565 และ 8% ในปี 2566 เพื่อสะท้อนปริมาณการขายและมาร์จิ้นที่ลดลง เราคาดว่ากำไรของ SCGP จะเติบโต 20% YoY ในปี 2566 จากการรับรู้ต้นทุน RCP ระดับต่ำใน 1H66 (ปรับตัวตามหลัง spot price อยู่ 4-5 เดือน) และปริมาณการขายที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นใน 1H66 โดยจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้นใน 2H65 จากการเปิดประเทศของจีน เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ SCGP ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 65 บาท
คาดกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 980 ลบ. -54% YoY และ -47% QoQ เราไม่คิดว่าจะมีรายการพิเศษใน 4Q65 ดังนั้นกำไรปกติ 4Q65 จะอยู่ที่ 980 ลบ. ลดลง 28% YoY และ 35% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายที่ลดลงซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายและมาร์จิ้น ทั้งนี้หลังจากจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น เราคาดว่า SCGP จะจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ในอัตรา 0.23 บาท/หุ้น บริษัทจะประกาศผลประกอบการวันที่ 24 ม.ค.
รายการสำคัญใน 4Q65 รายได้ คาดว่าจะอยู่ที่ 3.6 หมื่นลบ. -5% QoQ เพราะปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์ลดลง แต่ +3% YoY โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากทำ M&P (Deltalab, Peute และ Jordan) สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (52% ของยอดขาย) เราคาดว่าปริมาณการขาย (ไม่รวมบริษัทที่ทำ M&P) จะลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก YoY และตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง QoQ โดยปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์จะลดลงในประเทศหลักๆ ทุกประเทศ (ไทย ฟิลิปปินส์ และโดยเฉพาะเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นส่วนใหญ่) และราคาขายผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงทั้งในตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการนำเข้าที่ลดลงจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังจีน โดยปกติแล้วราคาผลิตภัณฑ์ของ SCGP จะปรับตัวตามหลังตลาดอยู่ 2-3 เดือน: ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ในตลาดอยู่ที่ US$480/ตัน (+2% YoY แต่ -3% QoQ) ใน 3Q65 และ US$423/ตัน (-20% YoY และ -12% QoQ) ใน 4Q65 สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษและธุรกิจ PPP (33% ของยอดขาย) ปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์แข็งแกร่ง สำหรับธุรกิจเยื่อกระดาษ (4% ของยอดขาย) ราคาเยื่อกระดาษใยสั้นในตลาดอยู่ในระดับสูงที่ US$855/ตัน (+34% YoY และ +5% QoQ) ใน 3Q65 และ US$847/ตัน (+32% YoY และทรงตัว QoQ) ใน 4Q65 แต่ปริมาณการขายมีแนวโน้มที่จะลดลง โดยมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน อัตรากำไรขั้นต้น มีแนวโน้มลดลงสู่ 14.5% (-240bps QoQ และ -20bps YoY) จากเหตุผลดังต่อไปนี้ ประการแรก มาร์จิ้นในธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มแคบลง โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการขายที่ลดลง และ lag time ที่นานกว่าคาดก่อนที่จะรับรู้ต้นทุน RCP ระดับต่ำ ด้วยปริมาณการขายที่ชะลอตัวลง ต้นทุน RCP ของ SCGP จึงปรับตัวตามหลังตลาดอยู่ 4-5 เดือน (จาก 2-3 เดือน): ต้นทุน RCP ในตลาดอยู่ที่ US$275/ตัน (ทรงตัว YoY และ QoQ) ใน 2Q65, US$200/ตัน (-35% YoY และ -27% QoQ) ใน 3Q65 และ US$163/ตัน (-47% YoY และ -19% QoQ) ใน 4Q65 ประการที่สอง มาร์จิ้นในสายธุรกิจเยื่อและกระดาษมีแนวโน้มลดลง QoQ โดยเกิดจากปริมาณการขายที่ลดลงในธุรกิจเยื่อกระดาษ เราคาดว่าต้นทุนถ่านหินจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ โดยจะคิดเป็นสัดส่วน 8% ของต้นทุนทั้งหมดใน 4Q65 เนื่องจากมีการล็อกราคาไว้แล้ว
แนวโน้มกำไร 1Q66 เราคาดว่ากำไร 1Q66 จะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาลและการรับรู้ต้นทุน RCP ระดับต่ำ แต่จะลดลง YoY โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการขายที่ลดลง
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: แรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราค่าระวางผันผวน และเศรษฐกิจจีนชะลอตัว