Keyword
High Conviction

High Conviction : HMPRO Risk/Reward น่าสนใจมากขึ้น

By ศิริมา ดิสสรา, CFA|6 Nov 24 8:01 AM
HMPRO
สรุปสาระสำคัญ

Risk/Reward น่าสนใจมากขึ้น

เราชอบ HMPRO เนื่องจากบริษัทมี SSS ที่ดีขึ้นใน 4Q67TD โดย SSS ที่ร้านโฮมโปรหดตัวน้อยลงที่ 2-3% YoY (เทียบกับ -6% YoY ใน 3Q67) และ SSS ที่ร้านเมกาโฮมกลับมาเติบโตได้ที่ 4-5% YoY (เทียบกับ -4% YoY ใน 3Q67) จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย การเบิกจ่ายงยประมาณรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ด้วย SSS ที่ดีขึ้น การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น เราจึงคาดว่ากำไร 4Q67 จะเติบโต YoY และ QoQ ปัจจุบันหุ้น HMPRO ซื้อขายในระดับที่น่าสนใจที่ PE ปี 2567 ระดับ 20 เท่า (ต่ำกว่าระดับ -2S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปีที่ 22 เท่า) ในขณะที่กำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ HMPRO ยังเป็น proxy ของกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะออกมาด้วย เช่น การนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษี (ถ้ามี) เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ HMPRO โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.0% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 13 บาท

 

ปัจจัยกระตุ้น #1: SSS ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นใน 4Q67TD ในเดือนต.ค. เราเชื่อว่า SSS ของ HMPRO มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 3Q67 โดย SSS ที่ร้านโฮมโปร (80% ของยอดขาย) หดตัวน้อยลงที่ 2-3% YoY (เทียบกับ -6% YoY ใน 3Q67) และ SSS ที่ร้านเมกาโฮม (18% ของยอดขาย) กลับมาเติบโตได้ที่ 4-5% YoY (เทียบกับ -4% YoY ใน 3Q67) โดยการเติบโต YoY ของตัวเลข SSS รายสัปดาห์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับตัวเลขรายเดือน SSS ที่ปรับตัวดีขึ้นหลักๆ ได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด (51% ของยอดขาย) ท่ามกลางยอดขายที่อ่อนแอต่อเนื่องในกรุงเทพฯ เมื่อจำแนกตามภูมิภาค SSS ที่เพิ่มขึ้นนำโดยภาคเหนือ (คิดเป็น 15% ของยอดขายสำหรับร้านโฮมโปร และมากกว่า 20% ของยอดขายสำหรับร้านเมกาโฮม โดย SSS เพิ่มขึ้น +2% YoY ในร้านทั้งสองรูปแบบในเดือนต.ค.) จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในเชียงใหม่และเชียงราย (มีสาขาของ HMPRO ตั้งอยู่ 4 สาขา; คิดเป็น 3% ของจำนวนสาขาทั้งหมด) คลี่คลาย และส่วนหนึ่งเกิดจาก SSS ที่ปรับตัวดีขึ้นในภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ จากกำลังซื้อที่ดีขึ้นหลังจากรัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนในช่วงปลายเดือนกันยายน การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อน (+164% YoY ในเดือนต.ค.) และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

เมื่อมองต่อไปข้างหน้า HMPRO คาดว่า SSS ในต่างจังหวัดจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูหลังน้ำลด นำโดยความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน 1 เดือนแรก และการซ่อมแซมและปรับปรุงภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2554 ในขณะเดียวกัน SSS ในกรุงเทพฯ ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงปลายปี 2567 จากฐานที่เป็นปกติจากการก่อสร้างถนนหน้าสาขาโฮมโปร ราชพฤกษ์ ตั้งแต่ปลายปี 2566 (ทำให้ SSS YTD ลดลง 1% YoY) และในช่วงกลางปี ​​2568 เมื่อการก่อสร้างถนนเสร็จสิ้น

ปัจจัยกระตุ้น #2: คาดกำไร 4Q67 ปรับตัวดีขึ้น ด้วย SSS ที่ดีขึ้น การวางแผนเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา (ร้านโฮมโปร 3 สาขา ในแม่สอด เชียงใหม่ และภูเก็ต, และร้านเมกาโฮม 1 สาขา ในศรีราชา) และมาร์จิ้นที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า private brand ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้นทั้งจากร้านเมกาโฮมและร้านโฮมโปร และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายจากการขยายสาขารูปแบบไฮบริดมากขึ้น (เปิดโฮมโปรติดกับเมกาโฮม ทำให้สามารถแชร์ค่าใช้จ่ายได้) เราจึงคาดว่ากำไร 4Q67 จะเติบโต YoY และ QoQ

ปัจจัยกระตุ้น #3: valuation น่าสนใจ รวมถึงกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และเป็น proxy ของกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมา เรามองว่าหุ้น HMPRO ซื้อขายในระดับที่ไม่สมเหตุสมผลที่ PE ปี 2567 ระดับ 20 เท่า (ต่ำกว่า -2S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปีที่ 22 เท่า) และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 3.9% ในขณะที่กำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ HMPRO ยังเป็น proxy ของกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะออกมาด้วย เช่น การนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษี (ถ้ามี) โดยที่ผ่านมามีมาตรการลดหย่อนภาษี    ช้อปปิ้งที่ได้รับอนุมัติ 8 ครั้งในปี 2558-2566 มาตรการล่าสุดที่สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567) ช่วยหนุนให้ SSS ของ HMPRO ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1-2% YoY

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน และความปลอดภัยของข้อมูล (S)

Stocks Mentioned
HMPRO.BK
Author
Slide9
ศิริมา ดิสสรา, CFA

หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5