ก่อนไปคิดอะไร
- บริษัทมองผลการดำเนินงาน 2H67 อย่างไร หลัง 2Q67 NYT รายงานกำไรสุทธิ 101 ลบ. พลิกหดตัว 9.7%YoY ซึ่งมีปัจจัยกดดันจาก 1) รายได้รวมหดตัว 2.5%YoY โดยแม้รายได้จากการให้เช่าคลังสินค้าจะเพิ่มขึ้น 27%YoY หลังรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าใหม่ที่บ่อวิน 3.4 หมื่นตร.ม. แต่ถูกหักล้างหมดด้วยรายได้ให้บริการท่าเทียบเรือซึ่งเป็นรายได้หลักที่ลดลง 10%YoY หลังมีจำนวนรถยนต์ผ่านท่าลดลง 12%YoY (ลดลงราว 3 หมื่นคันจาก 2Q66) และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 41.0% จาก 41.7% ใน 2Q66 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดลลงจากมีปริมาณรถยนต์ผ่านท่าลดลง และมี SG&A/Sales เพิ่มเป็น 11.6% จาก 9.5% ใน 2Q66 จากมีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น
หลังไปได้อะไร
- NYT เผยช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณบวกต่อภาพการส่งออกรถยนต์ของไทย โดยแม้ ก.ค. จะมีปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเพื่อส่งออกไปออสเตรเลียเพิ่มขึ้น แต่มองเป็นออเดอร์ส่งมอบที่เลื่อนมาจากก่อนหน้า และยังเห็นการส่งออกรถยนต์ที่ชะลอตัวลงในลูกค้าแถบเอเชีย อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น ขณะที่การนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนชะลอตัวลงตามกำลังซื้อในประเทศที่ซบเซา ทำให้มองรายได้จากให้บริการท่าเทียบเรือคาดชะลอตัว YoY อย่างไรก็ดีปีนี้บริษัทยังมีปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้ให้เช่าคลังสินค้าอย่างน้อย 15-20%YoY หลังปัจจุบันพื้นที่เช่าเดิม 2.7 แสนตร.ม. มีอัตราเช่าเกือบเต็ม 100% และพื้นที่เช่าใหม่ที่บ่อวิน 3.4 หมื่นตร.ม. (ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 2Q66 จำนวน 11 ห้อง) มีลูกค้ามาเช่าพื้นที่เต็มแล้วตั้งแต่ 1 ส.ค. 67
- นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มคลังสินค้าให้เช่าอีก 5.2 หมื่น ตร.ม. ซึ่งคาดจะเริ่มเปิดให้บริการปลายปีนี้ แบ่งเป็น 1) แหลมฉบัง ชลบุรี 2 หมื่น ตร.ม. และ 2) บางกะดี ปทุมธานี 3 หมื่นตร.ม. (ลูกค้าทำสัญญาเช่าระยะยาว 10 ปีแล้ว) ส่วนธุรกิจเรือซีฮอร์สเฟอร์รี่ยังคงอยู่ระหว่างหาทางขายทรัพย์สินออกไปหลังประสบผลขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันระหว่างรอขายบริษัทนำเรือไปใช้สำหรับการท่องเที่ยวเส้นทาง กทม.-สมุย (เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.) เพื่อสร้างรายได้เข้ามาบริษัทบ้าง
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- กำไร 1H67 คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไป บวกกับ ช่วงที่เหลือของปีนี้มองอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีโอกาสเผชิญความเสี่ยงเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการแข่งขันในธุรกิจที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากการส่งออกรถไฟฟ้าของจีนไปทั่วโลก ขณะที่การนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนเริ่มชะลอตัวจากเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลกดดันต่อปริมาณรถยนต์ผ่านท่าของ NYT ดังนั้นเพื่อยึดหลักระมัดระวัง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรจากเดิมราว 10% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NYT จะมีกำไรสุทธิ 478 ลบ. หดตัว 5%YoY โดย 3Q-4Q67 คาดผลดำเนินงานจะยังอ่อนแอ YoY จากปริมาณรถยนต์ผ่านท่าที่ลดลง
- ราคาหุ้น NYT ปรับลง 36%YTD ตามภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงและมองสะท้อนความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีต่ออุตสาหกรรมส่งออกยานยนต์ของไทย อีกทั้งผลการดำเนินงานปีนี้ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงไปมากแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 22% จากราคาเป้าหมายใหม่ปี 2567 ที่หุ้นละ 3.50 บาท (อิง PER -1SD ที่ 9x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีล่าสุดของ NYT เพื่อสะท้อนกำไรที่ชะลอตัวจากในอดีต) ซึ่งเมื่อบวกกับ NYT จัดเป็น Dividend Stock ซึ่งมีฐานะการเงิน (IBD/E ต่ำที่ 0.18x) และเงินสดแข็งแกร่ง (CFO ปีละ 800-900 พันลบ.) สามารถจ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.34 บาท คิดเป็น Div. Yield สูงปีละ 12% ช่วงสั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” โดยเทคนิคแนวรับ 2.76/2.66
- ความเสี่ยงสำคัญ : สัญญาสัมปทานท่าเรือ A5 (รายได้หลัก 80%) จะหมดอายุ 30 เม.ย. 69 ซึ่งต้องประมูลใหม่กับ กทท. (คาดเปิดประมูลปีหน้าและมองบริษัทยังมีโอกาสชนะประมูลจากประสบการณ์บริหารจัดการท่าเรือที่มีกว่า 30 ปี), ปัญหาขาดแคลนชิปส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน, ศก. คู่ค้าชะลอ, ธุรกิจเรือซีฮอร์สเฟอร์รี่ยังประสบผลขาดทุนและมีความเสี่ยง write-off ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การจัดการด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (S)
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก NYT_Stock Note 240813_T