สรุปสาระสำคัญ
เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไร โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NYT จะมีกำไรสุทธิ 459 ลบ. หดตัว 8%YoY และจะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย 2%YoY ในปี 2568 โดยมีแรงหนุนหลักจากรับรู้รายได้ให้เช่าคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นหลังขยายพื้นที่เช่า
ก่อนไปคิดอะไร
- บริษัทมองผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือปีนี้อย่างไร หลัง 3Q67 NYT รายงานกำไรสุทธิ 99 ลบ. หดตัว 20%YoY โดยแม้รายได้จากการให้เช่าคลังสินค้าจะเพิ่มขึ้น 28%YoY หลังรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าใหม่ที่บ่อวิน 3.4 หมื่นตร.ม. และมีรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนราว 13.6 ลบ. ดีขึ้นจาก 3Q66 ที่รับรู้ผลขาดทุนจากกำไร 1.9 ลบ. หลังภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นแต่ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกหักล้างหมดด้วยรายได้ให้บริการท่าเทียบเรือซึ่งเป็นรายได้หลักที่ลดลง 18%YoY หลังมีจำนวนรถยนต์ผ่านท่าลดลง 20%YoY อีกทั้งยังมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 40.6% จาก 43.7% ใน 3Q66 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดลลงตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าที่ลดลง
หลังไปได้อะไร
- NYT เผยภาพการส่งออกรถยนต์ของไทยยังไม่เห็นสัญญาณบวก โดย ต.ค. 67 ปริมาณรถยนต์ผ่านท่าของบริษัทยังลดลง YoY จากฐานปีก่อนที่สูงและมีออเดอร์ลดลงในลูกค้าแถบเอเชีย ซึ่งสอดคล้องกับที่ล่าสุด ส.อ.ท. เตรียมปรับลดเป้าผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกปีนี้ลงจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.15 ล้านคัน หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง ทำให้ประเทศคู่ค้าขายได้ลดลงและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ดีปีนี้มองบริษัทยังมีแรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้ให้เช่าคลังสินค้าอย่างน้อย 15-20%YoY หลังพื้นที่เช่าเดิม 7 แสนตร.ม. มีอัตราเช่าเกือบเต็ม 100% และพื้นที่เช่าใหม่ที่บ่อวิน 3.4 หมื่นตร.ม. (ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 2Q66 จำนวน 11 ห้อง) มีลูกค้ามาเช่าพื้นที่เต็มแล้วตั้งแต่ 1 ส.ค. 67
- สำหรับปีหน้าบริษัทมีแผนเพิ่มคลังสินค้าให้เช่าอีก 5.2 หมื่น ตร.ม. ได้แก่ 1) แหลมฉบัง ชลบุรี 2.3 หมื่น ตร.ม. ซึ่งอยู่ระหว่างรอกรมศุลกากรอนุมัติใบอนุญาตให้เป็นเขตปลอดอากร ซึ่งคาดจะหาลูกค้าและเริ่มเปิดให้บริการได้ต้นปีหน้า และ 2) บางกะดี ปทุมธานี 3 หมื่นตร.ม. ซึ่งคาดจะสร้างเสร็จ ม.ค. 68 และจะเริ่มเปิดให้บริการได้ทันที เนื่องจากมีลูกค้าทำสัญญาเช่าระยะยาว 10 ปีแล้ว
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- เราคาด 4Q67 กำไรดีสุดจะแค่ทรงตัว QoQ หลังมองยังต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า Nampec ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจจัดการขนส่ง และคาดกำไรจะลดลงหนัก YoY จากฐานกำไรปีก่อนที่สูง อีกทั้งปัจจุบันอุตสาหกรรมส่งออกยานยนต์ไทยยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายของประเทศคู่ค้าตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ และยังต้องประสบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากการส่งออกรถไฟฟ้าของจีนไปทั่วโลก ขณะที่การนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนเริ่มชะลอตัวจากเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ซึ่งย่อมกดดันต่อปริมาณรถยนต์ผ่านท่าของ NYT ดังนั้นเพื่อยึดหลักระมัดระวัง เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไร โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NYT จะมีกำไรสุทธิ 459 ลบ. หดตัว 8%YoY และจะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย 2%YoY ในปี 2568 โดยมีแรงหนุนหลักจากรับรู้รายได้ให้เช่าคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นหลังขยายพื้นที่เช่า
- แม้ NYT จัดเป็นหุ้นปันผลสูง (Dividend Stock) ซึ่งมีฐานะการเงิน (IBD/E ต่ำที่ 0.18x) และเงินสดแข็งแกร่ง (CFO ราวปีละ 700 ลบ.) โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.33 บาท (จ่ายปันผลปีละครั้ง) คิดเป็น Yield สูงปีละ 10% แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 3.40 บาท (อิง PER -1SD ที่ 9x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีล่าสุดของ NYT เพื่อสะท้อนกำไรที่ชะลอตัวจากในอดีต) อีกทั้งอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์ของไทยยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามจากนโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า กลยุทธ์ลงทุนจึงลดคำแนะนำเป็น “ถือเพื่อรับปันผล”
- ความเสี่ยงสำคัญ : สัญญาสัมปทานท่าเรือ A5 (รายได้หลัก 80%) จะหมดอายุ 30 เม.ย. 69 ซึ่งต้องประมูลใหม่กับ กทท. (คาดเปิดประมูลปี 2568 และมองบริษัทยังมีโอกาสชนะประมูลจากประสบการณ์บริหารจัดการท่าเรือที่มีกว่า 30 ปี), ปัญหาขาดแคลนชิปส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน, ศก. คู่ค้าชะลอ, ธุรกิจเรือซีฮอร์สเฟอร์รี่ยังประสบผลขาดทุนและมีความเสี่ยง write-off ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การจัดการด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (S)