Petrochemicals & Chemicals
PDF Available  
บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม

ปิโตรเคมี – ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

By ชัยพัชร ธนวัฒโน|18 Sep 24 9:24 AM
สรุปสาระสำคัญ
  1. ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลง เนื่องจากราคาแนฟทาสูงขึ้นและอุปสงค์อ่อนแอ
  2. ส่วนต่างราคา PE/PP ลดลง เพราะราคาผลิตภัณฑ์ลดลงและอุปทานล้นตลาด
  3. ราคา PX และ PET ลดลง เนื่องจากอุปทานมากเกินไปและอุปสงค์ลดลง

ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวลดลง WoW อย่างต่อเนื่อง เพราะราคาแนฟทาสูงขึ้น (+1% WoW) และราคาผลิตภัณฑ์ลดลง (ลดลง 1-4% WoW) ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลงและอุปทานที่ล้นตลาด เราเชื่อว่าราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเมื่อไม่นานนี้ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยฉุดรั้งอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะมีขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ เพราะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกำลังจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นใน 4Q67 อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวสวนทางกับราคาหุ้นของบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อไม่นานนี้เพราะได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกของตลาดที่คาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2568 หลังจากมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในปี 2567 เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจน เราจึงยังคงแนะนำให้ระมัดระวังกลุ่มปิโตรเคมี

 

ส่วนต่างราคา PE/PP โดยเฉลี่ยลดลง WoW เพราะราคาผลิตภัณฑ์ลดลง ส่วนต่างราคา PE/PP โดยเฉลี่ยลดลง 3% WoW สู่ US$388/ตัน เพราะราคา PE/PP (LDPE LLDPE และ PP) ลดลง ในขณะที่ราคาแนฟทาเพิ่มขึ้น WoW ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทานที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งฉุดรั้งให้ส่วนต่างราคา PE/PP แกว่งตัวอยู่ในช่วง US$350/ตัน± ตั้งแต่ 3Q65 เทียบกับค่าเฉลี่ย US$600/ตัน ในช่วง 2Q63-2Q65 ส่วนต่างราคา PE/PP โดยเฉลี่ยใน 3Q67TD เพิ่มขึ้น 5% QoQ มาอยู่ที่ US$395/ตัน โดยได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคา LDPE-แนฟทาที่ปรับตัวขึ้นแรง 19% QoQ ทั้งนี้หากไม่รวม LDPE พบว่าส่วนต่างราคาโดยเฉลี่ยลดลง 2% QoQ มาอยู่ที่ US$330/ตัน เทียบกับต้นทุนเงินสดที่ US$350/ตัน เราคาดว่าราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะส่งผลทำให้อุปสงค์ชะลอตัวลงในช่วงโลว์ซีซั่นใน 4Q67 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ

 

ส่วนต่างราคา PX ยังคงปรับตัวลดลง ราคา PX ลดลง 3% WoW มาอยู่ที่ US$905/ตัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่ลดลงจากธุรกิจปลายน้ำและอุปทาน PX ที่มากเกินไป เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันแบบครบวงจรเพิ่มการผลิต PX สูงสุดท่ามกลาง crack spread น้ำมันเบนซินระดับต่ำ เมื่อรวมกับราคาแนฟทาที่สูงขึ้น ส่วนต่างราคา PX-แนฟทาจึงปรับตัวลดลง 11% WoW  สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2.5 ปีที่ US$260/ตัน เทียบกับ 12MMA ที่ US$409/ตัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการสารผสมน้ำมันเบนซินที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้มีวัตถุดิบสำหรับใช้ผลิต PX มากขึ้น ส่วนต่างราคา PX ใน 3Q67TD ลดลง 17% QoQ มาอยู่ที่ US$351/ตัน ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตลดอัตราการผลิตลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนต่างราคาเบนซีน-แนฟทาก็ลดลง 12% WoW มาอยู่ที่ US$305/ตัน (เทียบกับ 12MMA ที่ US$313/ตัน) เนื่องจากราคาเบนซีนลดลง 4% WoW ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง

 

ราคา PET ร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่ของปี 2567 ราคา PET bottle chip ล่าสุดปรับตัวลดลง 3% WoW สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 ที่ US$860/ตัน เทียบกับ 12MMA ที่ US$914/ตัน เนื่องจาก sentiment ตลาดเป็นลบท่ามกลางราคาน้ำมันที่ลดลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้นใน 2H67 ส่วนต่างราคา integrated PET ก็ลดลง 6% WoW มาอยู่ที่ US$157/ตัน ซึ่งยังสูงกว่า 12MMA ที่ US$108/ตัน ค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาวัตถุดิบยังคงลดลงในอัตราที่เร็วกว่าราคาผลิตภัณฑ์ อุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในช่วง off-peak ใน 4Q67 คาดว่าจะกดดันส่วนต่างราคา integrated PET แม้ว่าราคา PET อาจฟื้นตัวขึ้นมาบ้างในระยะสั้น เนื่องจากผู้ผลิตปลายน้ำรายใหญ่เริ่มผลิตสินค้าเพิ่มสำหรับช่วงปลายปีและ 1Q68 เนื่องจากราคาน่าสนใจ (<US$900/ตัน) (CCFGroup) ทั้งนี้ส่วนต่างราคา integrated PET โดยเฉลี่ยใน 3Q67TD เพิ่มขึ้น 23% QoQ มาอยู่ที่ US$121/ตัน (เป็นบวกต่อ IVL) ซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ 2Q66 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ US$252/ตัน ค่อนข้างมาก

Author
Slide12
ชัยพัชร ธนวัฒโน

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

Most Read
Related Articles
Most Read