สำหรับกลุ่มท่องเที่ยว (โรงแรม) เรามองว่ามี 4 สิ่งที่น่าจับตาในปี 2567 ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2567 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของตลาดจีนเป็นหลัก 2) การเพิ่มขึ้นของ ARR เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ RevPar เติบโต 3) ผู้ประกอบการโรงแรมจะกลับมาขยายการลงทุนอีกครั้ง โดยขยายไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น และ 4) เราคาดว่ากำไรของผู้ประกอบการโรงแรมมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2567 เรามีมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่ระดับปกติในปี 2567 อย่างไรก็ดี กำไรยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หุ้นเด่นของเรา คือ ERW และ MINT (เพิ่มเข้ามาเป็นหุ้นเด่น) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2567 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของตลาดจีนเป็นหลัก เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยไว้ที่ 35 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้น 24% YoY สู่ 87% ของระดับเก่อนเกิดโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวในตลาดนักท่องเที่ยวจีน (ที่ 8 ล้านคน, 70% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) ในขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ (ไม่รวมประเทศจีน) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเติบโตในระดับที่เป็นปกติมากขึ้นที่ 27 ล้านคน (94% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) เรามองว่าการมาตรการยกเว้นวีซ่าในปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มขึ้นจาก 34% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในเดือนส.ค. 2566 สู่ 50% ในเดือนธ.ค. 2566 และ 63% ในเดือนก.พ. 2567 อุปสงค์ที่แข็งแกร่งเห็นได้จากอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (load factor) ในเส้นทางการบินจีน-ไทยของ AAV ที่เพิ่มขึ้นจาก 90% ในเดือนม.ค. สู่ ~98% ในระหว่างเดือนมี.ค. และยอดจองตั๋วล่วงหน้าระดับสูงในระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค. การเพิ่มขึ้นของ ARR เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ RevPar เติบโต เมื่ออิงกับเป้าหมายปี 2567 ของผู้ประกอบการโรงแรม รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเติบโตในระดับปกติเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ RevPar เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากฐานต่ำในปี 2565 การเพิ่มขึ้นของค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR) จะเป็นแรงผลักดันสำคัญ เรายังคงมองเห็นโอกาสที่ ARR จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ARR ในประเทศไทยยังตามหลังภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมยังมุ่งเน้นการปรับปรุง/อัพเกรดโรงแรมเพื่อเพิ่ม ARR ด้วย การกลับมาขยายการลงทุน โดยขยายไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น ข้อมูลที่เรารวบรวมได้แสดงให้เห็นว่า งบลงทุนรวมทั้งหมดในปี 2566 ของผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหมด 4 รายเพิ่มขึ้น 14% YoY และเป้าหมายของผู้ประกอบการเหล่านี้บ่งชี้ว่างบลงทุนทั้งหมดในปี 2567 จะมีจำนวน ~4.1 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 75% จากปี 2566 ในมุมมองของเรา สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจากการดำเนินงานและกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยให้คลายความกังวลทางการเงินจากการขยายธุรกิจได้ เราสังเกตเห็นว่าผู้ประกอบการโรงแรมกำลังขยายธุรกิจในต่างประเทศเพื่อเพิ่มการเติบโตในระยะยาวและกระจายธุรกิจไม่ให้กระจุกตัว กำไรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานและผลประกอบการของผู้ประกอบการโรงแรมฟื้นตัวแกร่งในปี 2565 และเติบโตก้าวกระโดดอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 เราคาดว่ากำไรจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยกำไรของกลุ่มฯ จะเติบโตเฉลี่ย 27% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก RevPar ที่เติบโต 8% YoY ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับปกติ หลังจากเติบโต 53% YoY ในปี 2566 หุ้นเด่น: ERW และ MINT (เพิ่มเติม) ราคาหุ้น ERW ปรับตัวลดลง 12% YTD สะท้อนถึงมุมมองเชิงลบที่ตลาดมีต่อการที่บริษัทเข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ และการที่กำไรจะกลับมาเติบโตในระดับปกติในปี 2567 ปัจจุบันหุ้น ERW ซื้อขายที่ PE ปี 2567 ที่ระดับใกล้ -1SD ของ PE เฉลี่ยในอดีต ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประเด็นลบสะท้อนในราคาหุ้นไปมากพอสมควรแล้วและเรามองว่าตอนนี้เป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสมได้ เราเลือก MINT เพิ่มเข้ามาเป็นหุ้นเด่น เนื่องจากกำไรของบริษัทจะมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่งมากขึ้นใน 2Q67 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นในยุโรป ซึ่งจะมีอีเว้นท์พิเศษด้วย เช่น การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความต้องการเดินทาง การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พลังงาน น้ำเสีย และขยะ ที่มีประสิทธิภาพ (E) |
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TOURISM240328_T 1
|