โครงการโครงสร้างพื้นฐานภายใต้รัฐบาลอนุทิน (มูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท)
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ภายในเวลาเพียง 4 เดือน ได้วางรากฐานการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 7 กลุ่มหลัก รวมมูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท ครอบคลุม MRT, รถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, Land Bridge, ท่าเรือ, สนามบิน และทางพิเศษ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มโครงการคือ
(1) เร่งเจรจาและอนุมัติ – รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (โครงการชี้ขาดความเชื่อมั่นนักลงทุน)
(2) เตรียมเอกสารและเปิดประมูล – Land Bridge รูปแบบ PPP Net Cost สัมปทาน 50 ปี
(3) Quick Wins – รถไฟฟ้าสายสีส้มและสีม่วง คาดเสร็จปี 2028
ผลต่อเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์
ธีมนี้สำคัญเพราะหากดำเนินการได้ตามแผน ในระยะสั้น คาดว่าหากผลักดันโครงการสำคัญ เช่น รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน และ โครงการ Land Bridge จะช่วยทำให้ GDP เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.05% และ 0.1% ต่อปี ในช่วงระยะเวลาก่อสร้าง ขณะที่ในระยะยาวจะเพิ่ม Potential Growth 0.5–1.5% ต่อปี และลดต้นทุนโลจิสติกส์จาก 13–14% เหลือ 10–12% ของ GDP มูลค่าที่ดินรอบ EEC และ SEC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 50–200% โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานีและสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงพื้นที่ระนอง–ชุมพร โอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุม TOD (Transit Oriented Development) , อุตสาหกรรม/โลจิสติกส์ และที่อยู่อาศัยเมืองรอง รวมมูลค่าตลาดกว่า 2–3 ล้านล้านบาท
นัยต่อการลงทุน
กลุ่มที่ได้อานิสงส์ระยะก่อนสร้างเสร็จ (ช่วงประมูล-ลงทุน-ก่อสร้าง) ได้แก่ ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และ โลจิสติกส์ต้นน้ำ และกลุ่มที่ลงทุนใน Infrastructure โดยตรง
กลุ่มที่ได้อานิสงส์ระยะหลังสร้างเสร็จ (ช่วงเปิดดำเนินการแล้ว) ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม, ที่อยู่อาศัย, สาธารณูปโภค/ไฟฟ้า และ ขนส่ง/โลจิสติกส์ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก
ทั้งนี้ ควรติดตามความคืบหน้าโครงการ Land Bridge และการผ่านร่าง พรบ. ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC Act) อย่างใกล้ชิด