สวัสดีตอนเช้า - ชะลอการลง คลังเสนอแผนเข้า ครม.

ชะลอการลง คลังเสนอแผนเข้า ครม.

 

ประเด็นสำคัญ

• ติดตามการประชุม ครม. เศรษฐกิจในวันนี้ (15 ต.ค.) เวลา 10:00 น. คาดคลังจะเสนอแนวทางขับเคลื่อน ศก. ไทยสำหรับช่วง 4 เดือนนี้, พิจารณามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงปลายปี-เร่งเบิกจ่ายงบสัมมนา, การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบ 1Q69FY (ต.ค.-ธ.ค. 2568), การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และการเจรจา FTA
• ธปท. ชี้แจง รมว. คลังสาเหตุเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนที่ +0.5% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% กดดันจากราคาพลังงานและอาหารลดลง และมีแนวโน้มต่ำต่อเนื่องตามราคาน้ำมันโลก แต่ยืนยันไม่ใช่ภาวะเงินฝืด การบริโภคยังเติบโตและค่าจ้างเฉลี่ยครึ่งปีแรกขยายตัว 4.6% ขณะที่ค่าครองชีพยังทรงตัว คาดจะกลับสู่กรอบได้ใน 1Q70
• จำนวน นทท. ต่างชาติในสัปดาห์ก่อน (6-12 ต.ค.) ที่ 522,169 คน ชะลอลง 13.6%WoW ลดลงทั้งในกลุ่มระยะใกล้และระยะไกลเนื่องจากสิ้นสุดช่วงวันหยุดยาวในหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งเป็นแนวโน้มปกติตามฤดูกาล ส่วนจำนวน นทท. ต่างชาติสะสมทั้งปี 2568 ที่ 25,096,346 คน ลดลง 7.5%YoY
• IEA ประเมินตลาดน้ำมันจะเผชิญภาวะอุปทานล้นเกินหนักขึ้น สูงถึง +4MBD หรือราว 4% ของอุปสงค์โลก จาก OPEC+ เพิ่มการผลิตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มการผลิตกลับจากมาตรการลดการผลิตแบบสมัครใจ 1.66MBD ขณะที่การเติบโตอุปสงค์มีแนวโน้มชะงัก เป็นลบต่อราคาน้ำมัน มองบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน OR และสายการบิน AAV
• IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจโลกปี 2568 ขึ้นเป็น +3.2% (จาก +3.0%) และขยายตัว +3.1% ในปี 2569 หลังพบว่าในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การเงินมีความทนทานต่อมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ และย้ำเตือนว่าความขัดแย้งทางการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะเป็นความเสี่ยงอย่างมีนัยยะฯ ต่อการเติบโต

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ปัจจัยในประเทศติดตามรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ซึ่งคาดจะมีส่วนช่วยประคองตลาด ในสัปดาห์นี้คาด รมว. คลังจะเสนอ ครม. พิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คาดกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน 100% มีท่าทีประณีประนอมมากขึ้น ประเมินผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด แต่ความผันผวนของตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้น ติดตามตัวเลขส่งออก ต.ค. 2568 ของจีนซึ่งตลาดคาด +5.2%YoY สูงขึ้นจากเดือนก่อนที่ +4.4%YoY และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ CPI, PPI และยอดค้าปลีก ก.ย. 2568 แม้ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น MoM แต่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้งดเผยแพร่ได้ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบรอปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ และการรายงานตัวเลข ศก. สำคัญในต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม
หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลงเพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากรัฐมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เพิ่ม แนะนำ ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวเมืองรอง, ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย, นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG) จากมาตรการหนุนพลังงานสะอาดและการลงทุน Data Center 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE HANA TU และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อดีขึ้น โครงการคนละครึ่งพลัสและรัฐบาลมีแผนผลักดันนโยบายสร้างรายได้ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPAXT และ BJC (มีฐานลูกค้าโชห่วย ร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), CPALL, CBG, OSP, ICHI

 

Daily top picks

ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มกำไร 3Q68 ที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง +31.9%YoY จากรายได้ Mobile คาดโต +4.8%YoY (EPL Bundling) และ Fixed Broadband +7.6%YoY รวมถึงต้นทุนลดจากสัญญาสัมปทานประมาณ 300 ลบ. ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 302 บาท

CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาล ราคาหุ้นอ่อนตัวลงไม่สมเหตุสมผล สวนทางกับประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q68 กำไร 3Q68 คาดฟื้นตัว +15%QoQ และฟื้นตัวต่อเนื่องถึง 1Q69 จากโรงแรมมัลดีฟส์ที่เข้าสู่ High Season Valuation ยังไม่แพง PER ที่ -1SD เป้าหมายระยะสั้นที่ 31.00 บาท

 

 

Follow the cabinet meeting

The SET is expected to move sideways, possibly falling to around supports on signs of a heating up in the trade war. China has announced sanctions on five US companies affiliated with South Korea’s Hanwha Ocean. At home, the Ministry of Finance will submit an action plan to the economic cabinet meeting. The index has supports at 1255/1245 and resistances at 1273/1280.

 

Today’s highlights

• Monitor the economic Cabinet meeting today (Oct 15). The Ministry of Finance is expected to propose plans to lift the economy over the next four months: tourism stimulus measures for year-end, more seminar budget disbursement, expedited 1Q26FY budget expenditure (Oct-Dec 2025), negotiating trade tariffs with the US and FTA negotiations.
• The BoT told the Minister of Finance that the 12-month average inflation of +0.5%, below the 1-3% target range, reflects declining energy and food prices and is expected to remain low in line with oil prices. However, the BoT said this is not deflation as consumption continues to grow and average wages in 1H25 grew 4.6% while cost of living is stable. Inflation is expected to return to target range in 1Q27.
• Foreign tourist arrivals last week (Oct 6-12) totaled 522,169, down 13.6%WoW in both short-haul and long-haul groups due to the end of long holidays in several countries (China, South Korea and India), which is a normal seasonal trend. Cumulative foreign tourist arrivals in 2025 is 25,096,346, down 7.5%YoY.
• The IEA expects the oil market will face a heavier supply surplus of up to +4MBD or ~4% of global demand, as OPEC+ continues increasing production, particularly return to normal after the voluntary 1.66MBD production cuts, while demand growth shows signs of stalling. This is negative for oil prices but positive for oil retailers (OR) and airlines (AAV).
• The IMF raised its 2025 global economic growth forecast to 3.2% and expects 3.1% growth in 2026 as financial conditions have been resilient to US tariff measures, and warned a new round of trade conflicts would pose a significant risk to growth.

 

Strategy today

In the short term, the SET is expected to move sideways as it waits for new catalysts. Watch for new economic stimulus from the government, which has said it will announce new programs every week. This week the Ministry of Finance is expected to announce a package to support tourism in secondary provinces. Externally, Trump’s raise in tariffs on China by 100% is seen as open to compromise and thus will have limited impact on the Thai market though it may raise volatility. Watch the release of China exports in Sep 2025, which are expected to grow 5.2%YoY, higher than August’s +4.4%YoY and US CPI, PPI and retail sales in Sep 2025. Although the market expects US retail sales to grow MoM, the US shutdown may postpone release of data, eliminating the market’s leading indicators. Our investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

In the short term the SET is expected to be range-bound. Key an eye on new stimulus and key economic figures from overseas. Our investment strategy is "selective buy" in two main and three trading themes:
1. Earnings plays whose 3Q25 earnings are expected to grow YoY and QoQ, and on which we recommend Outperform with price upside - ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT and TRUE. 
2. Stocks that benefit from the interest rate downcycle as we expect the MPC to cut interest rate once more this year and twice next year: companies that benefit from lower financial cost as they carry a high proportion of floating-rate debt (CENTEL, GPSC, TRUE), and those whose operating costs are reduced and/or that benefit from higher purchasing power – AP, MTC and TIDLOR.
3. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) those who benefit from stimulus apart from consumption – Tourism (CENTEL, ERW), Finance (MTC, TIDLOR), Industrial Estates (WHA, AMATA) and Utilities (GULF, BGRIM, BCPG); 2) those benefiting from baht weakening (KCE, HANA, TU); and 3) those benefiting from higher purchasing power from the “Half-Half Plus” and other programs aimed at raising income and cutting cost of living – CPAXT and BJC (traditional retailers are a customer base), TNP (Thong Fah, shops), CPALL, CBG, OSP and ICHI.

Daily top picks

ADVANC: Short-term catalyst from expected 31.9% YoY growth in 3Q25 profit, driven by mobile, where revenue is expected to grow 4.8%YoY (EPL bundling) and fixed broadband (+7.6%YoY) businesses and a cut of ~Bt300mn in expenses after the recent auction. Short-term TP is Bt302.

CENTEL: Short-term catalyst from tourism stimulus. The plunge in price yesterday was not driven by logic, as profit is believed to have already bottomed in 2Q25. 3Q25 profit is expected to grow 15%QoQ and continue growing through 1Q26. Valuation is attractive, trading at a PE of -1S.D. Short-term TP is Bt31.00.

 

Download EN version click >>Daily251015_E.pdf