บทสรุปผู้บริหาร |
โจทย์ บทวิเคราะห์นี้เขียนขึ้นเพื่อตอบโจทย์ 4 ประการหลัก อันได้แก่ (1) โลกจะเปลี่ยนแปลงไปด้านใด (2) เอเชียจะได้รับประโยชน์ในฐานะแหล่งลงทุนโดยตรง (FDI) จากการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างไร (3) EEC ในฐานะเครื่องยนต์หลักในการดึงดูด FDI จะยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการผลักดันเศรษฐกิจได้หรือไม่ และ (4) มีนัยยะต่อการลงทุนอย่างไร
คำตอบ โลกกลังเปลี่ยนไป 4 ประการ ได้แก่ กระแสแรก ได้แก่ กระแส่ Permacrisis กระแสที่สอง ได้แก่ กระแส China Derisking กระแสที่สาม คือ กระแสการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ตามหลัก Altasia และกระแสที่สี่ ได้แก่ กระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรม ผ่านการบูรณาการของเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งทั้ง 4 กระแสนี้ ทำให้การลงทุนโดยตรง (FDI) ในเอเชียรวมถึงไทยจะได้รับประโยชน์ในฐานแหล่งลงทุนทางตรง
ความเชื่อมโยง การเปลี่ยนแปลงของโลกสอดคล้องกับนโยบาย EEC ของรัฐบาลไทย ในฐานะเครื่องยนต์หลักในการดึงดูด FDI โดยใน Phase ที่ 1 (2018-22) EEC ประสบความสำเร็จในการผลักดันการลงทุน โดยตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท (หรือ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และคิดเป็น 90% ของเงินลงทุน FDI ทั้งประเทศ โดยสาขาหลักได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมัน ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเกษตร
เป้าหมาย ขณะที่ใน Phase ที่ 2 EEC ตั้งเป้าหมายมูลค่าของโครงการลงทุน (2023-26) ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าการลงทุนจริง 5 แสนล้านบาท (ปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท) โดยมุ่งเน้นใน 5 cluster หลัก ซึ่งเรามองว่าทั้ง 5 cluster ตอบโจทย์ของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะใน 3 cluster หลักที่เราศึกษาในรายละเอียด ได้แก่ EV, BCG และ Medical Tourism ซึ่งไทยมีความสามารถในการแข่งขัน และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
คำแนะนำการลงทุน เราจึงแนะนำการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) AMATA ที่เป็นผู้ประกอบการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยความพร้อมในด้านต่างๆ (2) BGRIM ได้ประโยชน์จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น และ (3) BDMS มีเครือข่ายโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งที่สุด (13 แห่ง) ในภาคตะวันออก และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเตียงใน EEC มากขึ้น จาก 1,074 เตียง สู่ 1,700 เตียง
|


กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง