Keyword
บทวิเคราะห์รายอุตสาหกรรม

WELLNESS TOURISM Cluster – เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โอกาสใหม่ทางธุรกิจ

3 Aug 23 11:00 AM
04082023-43-20240912042457

บทสรุป

แนวโน้มของโลก

  • Global Wellness Institute (GWI) คาดมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลกด้าน Wellness (Global Wellness Economy) จะเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 เป็นราว 7.0 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 หรือเติบโตเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี ประเด็นสนับสนุนคือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเทรนด์การรักสุขภาพมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสามารถลดโอกาสการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ที่เป็นสาเหตุการตายหลักได้
  • ข้อสังเกต คือ กลุ่มธุรกิจเชิงสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะมีการเติบโตสูงกว่าธุรกิจอื่นๆ โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตมากที่สุดคือ Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) ที่คาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 21% ต่อปี
  • นักท่องเที่ยวประเภท Wellness Tourism มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วไปราว 35%

โอกาสและเป้าหมายของประเทศไทย

  • เรามองว่าประเทศไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของธุรกิจ Wellness Tourism ของโลกที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น จากศักยภาพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการทางการแพทย์ อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
  • ในปี 2019 ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 8 ของโลกที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เกือบ 40 ล้านคน และเป็นอันดับ 4 ของโลกในด้านรายได้จากการท่องเที่ยว
  • ในปี 2020-21 ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 17 ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก จากการจัดอันดับโดย www.medicaltourism.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูลด้านการแพทย์ระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ระดับนานาชาติ
  • ในปี 2020 ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดในกลุ่มธุรกิจ Wellness Tourism เป็นอันดับ 15 ของโลกจากจัดอันดับโดย GWI และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้อยู่ 1 ใน 5 อันดับแรกภายในปี 2027

ความท้าทาย

  • การพัฒนาของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการและเพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น พัฒนาการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ
  • ในปัจจุบันยังไม่ได้มีความชัดเจนของความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน Wellness Tourism มากนัก เรามองว่าการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการนั้นจะช่วยเพิ่มความสะดวกและกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริมสุขภาพให้มีมากขึ้นได้
  • แม้เราจะมองเห็นแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว แต่ในปัจจุบันการใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริมสุขภาพตลอดจนถึง Wellness Tourism นั้น เป็นทางเลือกที่เกิดจากพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคเป็นหลัก ยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นเหมือนการรักษา พยาบาลและยังไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นหรือการสนับสนุนการใช้จ่ายด้านนี้อย่างชัดเจนจากทางภาครัฐ ทำให้เรามองว่าแนวโน้มเทรนด์ส่งเสริมสุขภาพและ Wellness Tourism จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปและประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับนั้นอาจจะไม่ได้เห็นมากในระยะสั้น

Theme การลงทุน

  • เรามองว่าเทรนด์ Wellness Tourism เป็นการลงทุนระยะยาว โดยหุ้นไทยมีความชัดเจนในเทรนด์ Wellness Tourism มากกว่าหุ้นต่างประเทศ หุ้นไทยที่เรามองว่าได้ประโยชน์ คือ BDMS BH SPA และ MINT
  • ความชัดเจนของผู้ประกอบการในเทรนด์นี้เริ่มมีมากขึ้นแต่จะยังไม่เห็นประโยชน์ในระยะสั้น ทำให้เรามองว่าการลงทุนในหุ้นนั้นต้องให้น้ำหนักกับความแข็งแรงของธุรกิจหลักในปัจจุบันที่จะสามารถต่อยอดไปกับเทรนด์ Wellness Tourism ซึ่งจะเป็นการเสริมการเติบโตในอนาคต
  • สำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เราเห็นว่าธุรกิจในระดับต้นน้ำ (เข่น Biotechnology, การวิเคราะห์ DNA และยีน) นั้นมีความน่าสนใจ เราชอบ Crispr Therapeutic, Laboratory Corp of America และ Alector
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม  Wellness Tourism Cluster 230803_T
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5