ผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่มธนาคารสะท้อนถึง: 1) คุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัว พร้อมกับ credit cost ที่สูงขึ้น 2) สินเชื่อที่ค่อนข้างทรงตัว 3) NIM ที่ลดลง 4) รายได้ค่าธรรมเนียมที่ชะลอตัวลง พร้อมกับกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ที่ดี และ 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงตามฤดูกาล QoQ เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 13% ในปี 2566 เราคาดการณ์ในเบื้องต้นว่ากำไร 2Q66 จะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ เรายังคงเลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ
รีวิวผลประกอบการ 1Q66 กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 45% QoQ และ 14% YoY ใน 1Q66 สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 4% โดยหลักๆ เกิดขึ้นที่ BAY (รายการตั้งสำรอง) TTB (รายการตั้งสำรอง) และ KTB (NIM) และสูงกว่า consensus คาดอยู่ 7% (BBL KTB TTB และ KKP) กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ที่มากกว่าคาดถูกลดทอนลงบางส่วนโดย NIM ที่แย่กว่าคาด
ไฮไลท์ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มธนาคาร:
1) คุณภาพสินทรัพย์: ธนาคารส่วนใหญ่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ค่อนข้างทรงตัว โดยพบ NPL ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องที่ KKP (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ) และ KBANK credit cost ของธนาคารส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล KBANK และ SCB ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ 1 รายที่คุณภาพหนี้มีสัญญาณความเสื่อมถอย (ยังไม่เป็น NPL) KKP มีขาดทุนจากการขายรถยึดมากกว่าคาด LLR coverage ของธนาคารส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
2)การเติบโตของสินเชื่อ สินเชื่อของกลุ่มธนาคารอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวตามฤดูกาล QoQ และเติบโตต่ำ YoY ใน 1Q66 การเติบโตของสินเชื่อใน 1Q66 ถูกฉุดรั้งโดยการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ
3) NIM: แย่กว่าคาด โดย NIM ของกลุ่มธนาคารแคบลง 8 bps QoQ ใน 1Q66 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 31 bps QoQ (การปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps สู่อัตราปกติที่ 0.46%) มากกว่าผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 17 bps QoQ (น้อยกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาด) KTB เป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่สร้างเซอร์ไพร้ส์ด้วยการรายงาน NIM เพิ่มขึ้น QoQ
4) Non-NII: ธนาคารส่วนใหญ่พบว่า non-NII เพิ่มขึ้น YoY ขณะที่มีทิศทางคละเคล้ากัน QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไร/ขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ใน 1Q66 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (รวมรายได้จากการประกันภัยสุทธิ) ของกลุ่มธนาคารลดลง YoY และ QoQ (ส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยฤดูกาล) เพราะถูกฉุดรั้งโดยค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุน
5)อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: ลดลงตามฤดูกาล QoQ และค่อนข้างทรงตัว YoY
แนวโน้มกำไร 2Q66 และปี 2566 สำหรับปี 2566 เราคาดว่ากำไรกลุ่มธนาคารจะเติบโต 13% โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5% NIM จะขยายตัว 23 bps (หลักๆ เกิดขึ้นที่ธนาคารขนาดใหญ่) credit cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 6 bps non-NII จะอยู่ในระดับทรงตัว (รายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงเล็กน้อย สำหรับ 2Q66 เราคาดการณ์ในเบื้องต้นว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น YoY (NIM ดีขึ้น) แต่จะลดลง QoQ (กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ลดลง) ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ เราคาดว่าสินเชื่อจะฟื้นตัวตามฤดูกาล NIM จะขยายตัวเพิ่มขึ้น credit cost จะอยู่ในระดับทรงตัว non-NII จะอ่อนแอลงเพราะกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ลดลงและรายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัว เราคาดว่า BBL จะรายงานกำไร 2Q66 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดทั้ง YoY และ QoQ
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม BANK230425_T