สรุปข้อมูลการลงทุน
น้ำมันและก๊าซ: ราคาน้ำมัน (เบรนท์) คาดว่าจะยืนเหนือระดับ US$80/bbl สืบเนื่องมาจากการปรับลดการผลิตโดยสมัครใจของกลุ่มโอเปกพลัส แต่มีความเสี่ยง downside จากอุปสงค์ที่เติบโตช้ากว่าคาดอันเนื่องมาจากวิกฤตภาคธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
- โรงกลั่นน้ำมัน: แม้ 1Q66 แข็งแกร่ง โดย Singapore GRM เพิ่มขึ้น 30% QoQ สู่ US$8.2/bbl แต่ค่าการกลั่นใน 2Q66 จะอ่อนตัวลง เพราะ crude premium สูงขึ้น และความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดีเซลมีมากขึ้น ค่าการกลั่นจะยังคงปรับตัวกลับสู่ระดับปกติในปี 2566 หลังจากสูงผิดปกติในปี 2565 โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทนก๊าซทั่วโลก
- สาธารณูปโภค: ผลประกอบการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น YoY เพราะอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงขึ้นและต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงสำหรับก๊าซธรรมชาติ (-57% YTD) และถ่านหิน (-51% YTD)
- ปิโตรเคมี: แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนจะยังคงทำให้อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัวช้า ในขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะทำให้อัตราการดำเนินงานยังคงต่ำกว่า 80% ในปี 2566-2568
- SETENERG และSETPETRO ปรับตัว underperform SET YTD ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมีความสนใจหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ค่อนข้างน้อย ทั้งๆ ที่ valuation ไม่แพง เรามองว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อไปอีก 3-6 เดือนข้างหน้า หรือจนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินและมีการประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
- แนวโน้มผลประกอบการปี 2566: เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าจะโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงผิดปกติในปี 2565
- หุ้นเด่น: 1) BCP (กระจายธุรกิจ); 2) GULF (กำไรและกำลังการผลิตเติบโตต่อเนื่อง); และ 3) IVL (ความต้องการสินค้าจำเป็นแข็งแกร่ง)
- ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน 2) การเปลี่ยนแปลงความชอบของผู้บริโภคที่มีต่อเชื้อเพลิงฟอสซิล และ 3) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการกำกับดูแลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงภาษีคาร์บอนและคาร์บอนเครดิต
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม พลังงานและปิโตรเคมี17042023