
เนื้อหาโดยรวม

ภาพกำลังซื้อชะลอตัวลงใน 3Q23…ถึงแม้มูลค่าน่าสนใจ แต่ในระยะถัดไปคาด Downside Risk ยังมีอยู่
LVMH เผยยอดขายใน 3Q23 เพิ่มขึ้น 9%YoY อยู่ที่ €19.9bn ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่ชะลอตัวลงผลกระทบจากรายได้ในกลุ่มธุรกิจหลักอย่าง fashion และ leather ซึ่งมีแบรนด์ Dior และ Louis Vuitton นั้นออกมาต่ำกว่าคาดและโตเพียง 9%YoY ขณะที่ส่วนธุรกิจไวน์และสุรารายได้ยังคงลดลง 14%YoY นอกจากนี้รายได้แบบ Organic ในส่วนยุโรป ญี่ปุ่น และส่วนอื่นๆ ของเอเชียมีการเติบโตในระดับเลขสองหลัก
มุมมองของ InnovestX
ภาพรวมรายได้ของ LVMH ใน 3Q23 ออกมาสะท้อนได้ว่าธุรกิจมีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โดย 1) ภาพกำลังซื้อชะลอตัวอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในสหรัฐฯที่การเติบโตชะลอตัวมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น 2) ภาพการฟื้นตัวในจีนยังไม่สม่ำเสมอ ประกอบกับแรงกดดันใรฝั่งยุโรปยังคงมีอยู่มาก ทำให้เรามองว่าแม้การเติบโตในภูมิภาคเหล่านี้จะเป็นสองหลักแต่คาดว่ายังคงไม่ได้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจนหนุนการเติบโตได้หลังภาพรวมรายได้ทั้งกลุ่มออกมาต่ำกว่าคาดและชะลอตัว 3) ภาพความต้องการในกลุ่มสินค้าไวน์และสุราหดตัวลงเช่นกัน โดยยอดขายลดลง 14%YoY หลังบริษัทเผยว่าได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 4) ขณะที่ค่าเงินดอลฯที่แข็งค่าส่งผลกระทบเชิงลบต่องบ FY23 ราว 4% ซึ่งบริษัทคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรในช่วง 2H23 ต่อเนื่อง
ในระยะสั้น เรามองว่าธุรกิจหลักของ LVMH ที่ภาพรวมอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงมีแรงกดดันทั่วทุกภูมิภาคโดย 1) สหรัฐฯ: เราคาดว่าความต้องการผู้บริโภคจะยังคงชะลอตัวลงจนส่งผลกระทบต่อยอดขายต่อเนื่องหลังแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคยังคงดำเนินอยู่ เช่น ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ปริมาณเงินออมส่วนเกินในสหรัฐฯเริ่มหดตัว 2) ยุโรป: ถึงแม้ภาพรวมอุปสงค์จะได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวและเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ดีเรามองว่าในระยะถัดไปธุรกิจในส่วนนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากภาพปัจจัยมหภาคในยูโรโซนเช่นกัน เช่น ราคาน้ำมันที่ผันผวนซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับภาพความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มฮามาสและประเทศอิสราเอลซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ 3) เอเชีย: ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าคาดอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่ม แต่อย่างไรก็ดีเรามองว่าผลกระทบดังกล่าวค่อนข้างจำกัดหลังภาพอุปสงค์การใช้จ่ายในจีนยังคงมีอยู่สะท้อนได้จากยอดขายในกลุ่ม E-commerce เช่น Alibaba และ JD.com ประกอบกับการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ทำให้เราคาดว่ายอดขายกลุ่มจะได้รับอานิสงส์ดีเช่นกันโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่มีเทศกาลวันหยุดมาก ด้วยภาพนี้ทำให้เราคาดว่าภาคส่วนนี้จะยังคงเป็น Bright Spot และเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าในกลุ่ม LVMH ได้ในระยะถัดไป
ในระยะยาว เราเชื่อว่า LVMH เป็นอีกหนึ่งในบริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันมากที่สุดในกลุ่ม หลัง 1) มีความเป็นผู้นำตลาดและมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ ส่งผลให้บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคาที่แข็งแกร่ง ภาพนี้จะช่วยหนุนการอัตราการเติบโตของกลุ่มธุรกิจได้ 2) กลุ่มบริษัทมีแบรนด์จำนวนมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจทั้งจากน้ำหอม แฟชั่น รวมถึงเครื่องประดับและนาฬิกา ทำให้บริษัทได้รับพผลประโยชน์ขนาดและความสามารถในการรองรับการขยายอัตรากำไร 3) ภาพรวมชื่อเสียงแบรนด์ในกลุ่มมีความแกร่ง รวมถึงฐานลูกค้าที่มั่นคงและกำลังซื้อมาก เช่น Celine Dior Lowe 4) สินค้าในภาพรวมอยู่ในกลุ่มสินค้าหรูหราที่มีมูลค่าเติบโตต่อเนื่องส่งผลให้ภาพการขยายตัวของมาร์จิ้นดูดี 5) ฐานะทางการเงินแกร่งและภาระหนี้สินต่ำ ทำให้มีกระแสเงินสดสำหรับการลงทุนและข้อตกลงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัท
ในส่วนของมุมมองการลงทุน ถึงแม้ Valuation ในปัจจุบันที่ระดับ PE 22.2x จะน่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 27.7x แต่อย่างไรก็ดีด้วยภาพแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวลงและปัจจัยมหภาคที่กดดันต่อภาพความต้องการซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก ประกอบกับความเสี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้เรามองว่าการลงทุนในระยะถัดไปยังคงมี Downside กระทบต่อราคาหุ้น LVMH ซึ่งเรายังคงแนะหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนจนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เราคาดว่าการลงทุนในช่วงนั้นน่าจะให้ Risk–Reward ที่คุ้มค้ามากกว่าปัจจุบัน ด้าน Bloomberg ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 886.1USD ซึ่งมี Upside 21% จากราคาปัจจุบัน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม LVMH_Offshore Stock 231011_T