Keyword
Stock Note

INVX Stock Note – NER 14/05/2024

13 May 24 9:00 AM
1305-16-20240911184331

ก่อนไปคิดอะไร

บริษัทมองผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไร หลัง 1Q67 NER มีกำไรสุทธิ 454 ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ (ขาดทุนยังไม่เกิดขึ้นจากวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์และ Fx) 22 ลบ. จะมีกำไรปกติ 476 ลบ. เติบโต 56.8%YoY และ 8%QoQ แรงหนุนจาก 1) ราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 57.07 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 16%YoY และ 10%QoQ จึงช่วยชดเชยปริมาณขายยาง 1.15 หมื่นตัน ซึ่งลดลง 10% ทั้ง YoY และ QoQ ทำให้ยอดขายยังเพิ่มขึ้น 4.6%YoY และหดตัวเล็กน้อย 1%QoQ 2) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 11.6% จาก 9.7% ใน 1Q66 และ 11.3% ใน 4Q66 หลังราคาขายสูงขึ้น และใช้ต้นทุนยางเฉลี่ยซึ่งไม่ได้ขยับขึ้นตามราคาซื้อที่สูงขึ้น และ 3) SG&A ลดลง 15%YoY และ 17%QoQ หลังมีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเป็น 26% ลดจาก 37% ใน 1Q66 และ 35% ใน 4Q66

หลังไปได้อะไร

NER มองปี 2567 อุปทานยางน้อยกว่าปีก่อนจากเอลนีโญ ซึ่งกว่าอุปทานกลับเป็นปกติเร็วสุดคาดอยู่ปลาย มิ.ย. ทำให้บริษัทมีแผนปรับลดปริมาณขายลงมากกว่า 10% จากที่ตั้งเป้าไว้ 1 แสนตัน (เป้าใหม่แจ้งหลังประกาศงบ 2Q67) โดยคาด 3Q67 ยอดขายจะลดลงมากสุดจากอุปทานเข้าสู่ตลาดน้อย ขณะที่ราคาขายยางคาดอยู่แถว 68-77 บาทต่อ กก. จากปีก่อนที่ 50-60 บาท ต่อ กก.

ล่าสุดบริษัทตัดสินใจชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 อีกครั้งเพื่อดูความเสี่ยง หลังอุปทานยางลดลง แต่มีหลายบริษัทเตรียมสร้างโรงงานผลิตยางในไทยเพิ่ม โดยอย่างเร็วสุดหากมีการสร้างจะเริ่มปลายปีนี้และคาดจะผลิตได้ 3Q68 (จากเดิมที่คาดจะสร้างเสร็จปลายปีนี้และเริ่มผลิตต้นปี 68)

ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน

2Q67 คาดกำไรจะยังเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากราคาขายยางที่สูงขึ้น YoY และ QoQ เพราะมีสัญญาขายบางส่วนใช้ราคายางปลาย 4Q66-1Q67 ซึ่งเป็นช่วงราคายางปรับขึ้นแรงตามฤดูกาล (ช่วงปิดกรีดยาง) และกังวลเอลนีโญกระทบอุปทาน แต่ราคาขายที่สูงคาดถูกบั่นทอนบางส่วนด้วยปริมาณขายยางที่ลดลงหลังอุปสงค์ชะลอตามความต้องการซื้อรถยนต์ในไทยและจีน

2H67 มองมีความเสี่ยงกดดันผลกำไรจาก 1) ราคายางที่ทยอยปรับลงตั้งแต่ เม.ย. (ล่าสุดราคายางแท่งและยางแผ่นรมควันของไทยปรับลง 5% และ 18% จากจุดสูงสุด ตามลำดับ) หลังอุปทานกำลังเข้ามาในตลาด (ตั้งแต่ พ.ค. เข้าสู่ฤดูกรีดยาง) และ 2) อุปสงค์ยางอาจชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจาก ศก. ซบเซา (จีนเผยยอดขายรถยนต์โดยสาร เม.ย. 67 ลดลง 2%YoY และ 6%MoM ส่วนไทยมียอดขายรถยนต์ 1Q67 ลดลง 6%YoY) ดังนั้นแม้ 1H67 คาดกำไรจะโตเกิน 20%YoY แต่เรายังคงคาดปี 2567 NER มีกำไรปกติ 1,754 ลบ. เพิ่มขึ้ 13.5%YoY

ช่วง 1.5 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น NER ปรับลง 16% จากจุดสูงสุดที่ 6.45 บาท มองเป็นไปตามราคายางที่เริ่มปรับลง ซึ่งสอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้เราแนะนำให้ “ขายทำกำไรไปก่อนในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นแรง” จนทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันปรับลงมาใกล้กับราคาเป้าหมายใหม่ปี 2567 ที่หุ้นละ 5.50 บาท (ปรับลงจากเดิม 5.70 บาท เพื่อสะท้อน Dilution Effect ของ NER-W2 ที่ขึ้น XW ในสัดส่วน 6 หุ้นเดิม : 1 Warrant ราคาใช้สิทธิ 5.50 บาท เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ไป โดย EPS ใหม่จะอิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 4 ครั้งในเวลา 2 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้นจึงคงแนะนำ “Underperform” หลังยังไม่มี Upside จูงใจ อีกทั้งมองราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากราคายางที่เริ่มปรับลงและอุปสงค์ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดส่งออก ซึ่งทำให้อาจไม่คุ้มกับปันผลที่ได้รับ โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.37 บาท คิดเป็น Yield ปีละ 6.7%

ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง

 

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  NER_Stock Note 240513_T

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5