![test_blog_details_img](/ResourcePackages/scbs/assets/dist/images/blog-details/smile-face.png)
เนื้อหาโดยรวม
![](/images/default-source/aboutboard/shutterstock_1721365312.jpg?sfvrsn=cbe9b52d_1)
ก่อนไปคิดอะไร
- SNNP รายงานผลประกอบการของ 1Q66 ตามคาด โดยรายได้อ่อนตัว QoQ จากยอดขายต่างประเทศที่ลดลงและระดับ gross margin ที่ทรงตัว
- ทิศทาง Gross Margin จะปรับเพิ่มขึ้นได้หรือไม่หลังจากโรงงานในประเทศเวียดนามเริ่มผลิตสินค้าหลากหลายมากขึ้น
หลังไปได้อะไร
- SNNP วางแผนออกสินค้าใหม่ในช่วง Q2-Q3 ทั้งกลุ่ม Jele ที่จะเพิ่มรสชาติใหม่ซึ่งได้ความร่วมมือมาจาก magic farm และในกลุ่ม Snack จะมีการออกรสชาติใหม่ของกลุ่ม Lotus เราคาดว่าสินค้าใหม่จะช่วยหนุนยอดขายภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปี
- เป้าหมายการเติบโตในปีนี้คาดต้องใช้กำลังการผลิตของโรงงานในต่างประเทศคือกัมพูชา (ปัจจุบัน Utilization ประมาณ 50%) และเวียดนาม (ช่วงต้นของการผลิตและจบครบทุกสายการผลิตปลายปี 2566) เข้ามาหนุน โดย SNNP ยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในประเทศที่ประมาณ 15% และต่างประเทศ 30% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเรา และสัดส่วนรายได้จากในประเทศที่ 68-70% และต่างประเทศ 32-30% สำหรับบริษัทร่วมทุนคือ สิริโปร ที่มีผลขาดทุนมากขึ้นคาดต้องมีการปรับโครงสร้างและยังมีผลขาดทุนในปีนี้
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- SNNP รายงานกำไรสุทธิของ 1Q66 ที่ 154 ล้านบาท (+2% YoY และ +1.1% QoQ) ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 158 ล้านบาทโดยรายได้อ่อนตัว QoQ มาจากรายได้ยอดขายจากต่างประเทศที่หดตัว 38% QoQ จากฐานที่สูงและฤดูกาล ขณะที่รายได้ในประเทศหดตัว 1% QoQ ระดับ Gross Margin ทรงตัว QoQ แต่ดีขึ้นเล็กน้อย YoY SG&A ต่อรายได้มีสัดส่วนและมูลค่าลดลงจากกงานโฆษณาที่ลดลง
- ใน 1Q66 SNNP ทำเป้ากำไรสุทธิได้ 2% ของประมาณการกำไรสุทธิของเราในปีนี้ที่ 692 ล้านบาทเติบโต 34% และทำฐานจุดสูงสุดใหม่
- เราคงประมาณการรายได้ของปี 2566 ที่ 6,260 ล้านบาทเติบโต 13% สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเท่ากับ 28% มูลค่าเติบโต 30% ขณะที่รายได้จากในประเทศคาดมีสัดส่วน 72% มูลค่าเติบโต 5% ระดับ Gross Margin ปรับขึ้นเป็นลำดับในแต่ละไตรมาสและใน 2Q66 คาดแรงหนุนจากฤดูกาลจะทำให้ผลประกอบการเติบโต YoY และ QoQ
- เราคาดว่าแนวโน้มอัตราการทำกำไรขั้นต้นใน 2H66 จะดีกว่า 1H66 เมื่อโรงงานใหม่ในประเทศเวียดนามผลิตเต็มกำลังทุกสินค้าครบโดยคาดว่ากลุ่มเบนโตะจะเริ่มผลิตช่วง 2Q66 และกลุ่ม Jele เริ่มผลิตใน 2H66
- ความเสี่ยง การบริหารต้นทุน การบริหารโรงงานในต่างประเทศ ความผันผวนของค่าเงิน
- เราคงคำแนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว โดยเราใช้สมมติฐาน PER ที่ 5 เท่า (+1SD) ราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 25.50 บาท/หุ้น และเราคาดหวังที่เห็นการเปิดธุรกิจเสริมอาหารในปี 2566 เพื่อต่อยอดการเติบโตรวมไปถึงการเติบโตของตลาดต่างประเทศ