ผลประกอบการ 2Q67 ออกมาตามคาด โดยสะท้อนถึงเบี้ยประกันภัยรับที่เพิ่มขึ้น YoY อัตรากำไรจากการรับประกันภัยที่ดีขึ้น YoY และ ROI ที่สูงขึ้น YoY เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 5% เนื่องจากเราปรับประมาณการอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไร 2H67 จะลดลง HoH (จากอัตรากำไรจากการรับประกันภัยที่ลดลง) แต่จะเพิ่มขึ้น YoY เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ BLA โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 23 บาท สู่ 21 บาท เนื่องจาก valuation ถูก และเราคาดการณ์ถึงกำไรที่ดีในปี 2567-2568 2Q67: กำไรตามคาด BLA รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 814 ลบ. (+3% YoY, -34% QoQ) เป็นไปตามที่เราคาดการณ์
รายการที่สำคัญ: 1) เบี้ยประกันภัยรับสุทธิ: +5% YoY, -6% QoQ ใน 2Q67 เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เพิ่มขึ้น 42% YoY และ 16% QoQ เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปลดลง 1% YoY และ 19% QoQ เราคงประมาณการการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปี 2567 ไว้ที่ 3% โดยคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่จะเติบโต 5% ในปี 2567 2) อัตรากำไรจากการรับประกันภัย: +228 bps YoY และ -767 bps QoQ (จากการลดเงินสำรองของกรมธรรม์ที่ครบกำหนดน้อยลง) สู่ -21.6% ใน 2Q67 อัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์เพิ่มขึ้น 808 bps QoQ สู่ 110.9% (-301 bps YoY) จากการลดเงินสำรองของกรมธรรมที่ครบกำหนดน้อยลง โดยในปี 2567 กรมธรรม์ที่ครบกำหนดอยู่ที่ราว 3.0 หมื่นลบ. โดยสองในสามอยู่ใน 1Q67 ดังนั้นเราคาดว่าอัตรากำไรจากการรับประกันภัยใน 2H67 จะลดลง HoH เราปรับประมาณการอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์ปี 2567 เพิ่มขึ้น 2 ppt สู่ 107% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 2Q67 3) ROI: +40 bps YoY และ +28 bps QoQ จากอัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและเงินปันผลและกำไรจากเงินลงทุนที่ดีขึ้น
แนวโน้มกำไร 2H67 กำไร 1H67 คิดเป็น 59% ของประมาณการกำไรปี 2567 ของเรา เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 5% เนื่องจากเราปรับประมาณการอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไร 2H67 จะลดลง HoH (จากอัตรากำไรจากการรับประกันภัยที่ลดลง) แต่จะเพิ่มขึ้น YoY
คงคำแนะนำ OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายลดลง เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ BLA โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 23 บาท สู่ 21 บาท (อิงกับ PBV 0.7 เท่า สำหรับปี 2568) เนื่องจาก valuation ถูกที่เพียง 0.4x embedded value (EV) และคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 และ 2568 อันเป็นผลมาจาก combined ratio ที่ปรับตัวดีขึ้นจากสำรองประกันภัยที่ลดลงจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด
ปัจจัยความเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่: 1) แรงกดดันต่อกำลังซื้อของลูกค้า 2) ความผันผวนของตลาดทุน 3) การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 4) การใช้มาตรฐานการบัญชีใหม่ โดยเฉพาะ IFRS17 และ 5) ความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct)
|