กำไร 2H67 ของ CPALL มีแนวโน้มที่จะเติบโต YoY ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT โดย SSS ใน 3Q67TD ที่ธุรกิจ CVS และ CPAXT ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่กำลังจะประกาศใช้ (โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และดิจิทัลวอลเล็ต, ปรับเงื่อนไขเป็นไม่มีการจำกัดประเภทสินค้าและร้านค้า รวมถึงสถานที่ตั้งร้านค้า, รอครม.พิจารณาอนุมัติในวันที่ 17 ก.ย., กำหนดกรอบเวลาแจกเงินตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 ถึงปี 2568) และแนวโน้มที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงจะสร้าง upside ให้กับกำไรของ CPALL ปัจจุบันหุ้น CPALL ซื้อขายในระดับที่น่าสนใจที่ PE ปี 2567 ระดับ 25 เท่า (-2S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี) เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7%, การเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 77 บาท
คาดกำไร 2H67 แข็งแกร่ง ใน 3Q67TD SSS ที่ธุรกิจ CVS ของ CPALL (+2.5-3% YoY) และ CPAXT (+2-3% YoY ในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C) ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ เราคาดว่ากำไร 3Q67 ของ CPALL จะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล สำหรับธุรกิจ CVS เราคาดการณ์ถึงยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น กระแสตอบรับที่น่าพอใจต่อแคมเปญแสตมป์ในปีนี้ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ถึง 23 พ.ย. (ลูกค้าสามารถสะสมแสตมป์ในการซื้อครั้งแรกเพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป หรือสามารถสะสมแสตมป์เพื่อแลกรับสินค้าตัวการ์ตูน “โดราเอมอน” ได้ในภายหลัง) และยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สินค้า RTE RTD ที่เพิ่มขึ้น สำหรับ CPAXT เราคาดว่ายอดขายและมาร์จิ้นจะปรับตัวดีขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนทั้งจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C กำไร 4Q67 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ สู่ระดับสูงสุดของปีนี้
Upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ รายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ว่าภายใต้มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนไทย 50 ล้านคน วงเงินรวม 4.5 แสนลบ. ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าต่อ (ตั้งเป้าแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 5,000 บาทใน 4Q67 และส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท จะแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ตในปี 2568) รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการใหม่เร่งด่วน คือ การแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางภายใต้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน วงเงินรวม 1.45 แสนลบ. ก่อน โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. หรือภายในเดือนก.ย. 2567 ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้จ่ายมีแนวโน้มที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่มีการจำกัดประเภทสินค้าและร้านค้า รวมถึงสถานที่ตั้งร้านค้า รายละเอียดของมาตรการจะต้องรอครม.พิจารณาอนุมัติในวันที่ 17 ก.ย. โดยหากพิจารณาจากเงื่อนไขการใช้จ่ายตามข่าวล่าสุด มาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการค้าปลีกทุกรายภายใต้การวิเคราะห์ของเรา รวมถึง CPALL ด้วย ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวม upside จากมาตรการเหล่านี้เข้ามาไว้ในประมาณการกำไรของเรา การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่า SSS ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะหนุนให้กำไรของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 1%
Upside จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. CPALL ได้ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ มูลค่า 1.3 หมื่นลบ. (ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.44% ต่อปี) เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม (ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 5% ต่อปี) การประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้จะหนุนให้กำไรของ CPALL ปรับขึ้นได้อีก 160 ลบ. (กำไรเฉลี่ยต่อปีปรับขึ้นได้อีก 1%) ซึ่งยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของเรา สำหรับแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่มีโอกาสจะปรับลดลงในช่วงเวลา 1 ปีข้างหน้า การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงทุกๆ 25bps จะหนุนให้กำไรเฉลี่ยต่อปีของ CPALL ปรับขึ้นได้อีก 1%
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนโยบายของรัฐบาล ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S)