ในปี 2566 CRC ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 12-15% และ EBITDA เติบโต 18-20% โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ควบคุมได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านอัพไซด์ต่อสมมติฐานยอดขายและมาร์จิ้นในปี 2566 ของเรา เราชอบ CRC เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 25% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพาณิชย์ที่ 21% เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 50 บาท
ในปี 2566 CRC ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 12-15% และ EBITDA เติบโต 18-20% โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่สูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ควบคุมได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านอัพไซด์ต่อสมมติฐานยอดขายและมาร์จิ้นในปี 2566 ของเรา เราชอบ CRC เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 25% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพาณิชย์ที่ 21% เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 50 บาท
ยอดขายและงบลงทุนปี 2566 ในปี 2566 CRC ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 12-15% YoY โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก และการขยายและปรับปรุงสาขา ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเทศ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยเติบโต 14-16% เวียดนามเติบโต 10-12% และอิตาลีเติบโต 9-11% ขณะที่เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ บริษัทตั้งเป้ายอดขายกลุ่มแฟชั่นเติบโต 14-16% กลุ่มฮาร์ดไลน์เติบโต 13-15% และกลุ่มฟู้ดเติบโต 10-12% สำหรับการขยายสาขารูปแบบขนาดใหญ่ บริษัทวางแผนเปิดห้างสรรพสินค้า 2 สาขา (โรบินสัน ภูเก็ต และ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์) ร้านไทวัสดุ 10 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 15 สาขา และโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 1 สาขา ในประเทศไทย ซูเปอร์มาร์เก็ต 8-10 สาขา และร้าน Nguyen Kim 5 สาขา ในเวียดนาม บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการให้เช่าและบริการเติบโต 18-20% อันเป็นผลมาจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีขึ้นและการปรับส่วนลดค่าเช่าให้เป็นปกติใน 1H66 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2.5-2.8 หมื่นลบ. (เทียบกับ 1.8 หมื่นลบ.ในปี 2565): 75% สำหรับประเทศไทย 23% สำหรับเวียดนาม และ 2% สำหรับอิตาลี และ 40% สำหรับกลุ่มแฟชั่น 30% สำหรับกลุ่มฮาร์ดไลน์ และ 30% สำหรับกลุ่มฟู้ด
เพิ่มมาร์จิ้นในปี 2566 ในปี 2566 CRC วางแผนเพิ่มความสามารถในการทำกำไรโดย: 1) ควบคุมต้นทุนผ่านการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของบุคลากรและการใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขาย และดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานเพิ่ม; 2) จัดสรรงบลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโครงการลงทุนใหม่จะใช้แหล่งเงินทุนที่แรกจากกระแสเงินสดภายในกิจการ เน้นขยายสาขา proven format และใช้ประโยชน์จาก synergy ของกลุ่ม CRC เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง (เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์จากไทวัสดุมากขึ้น); 3) บริหารจัดการกระแสเงินสดให้ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในปี 2566 CRC ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นจากการค้าปลีกขยายตัวอย่างน้อย 50bps YoY หลักๆ เกิดจากยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นและการปรับส่วนลดโดยเริ่มจากกลุ่มแฟชั่น ทั้งนี้เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ CRC ตั้งเป้ามาร์จิ้นของกลุ่มแฟชั่นเพิ่มขึ้น 30-50bps กุล่มฮาร์ดไลน์เพิ่มขึ้น 30-50bps และกลุ่มฟู้ดเพิ่มขึ้น 10-20bps บริษัทตั้งเป้าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย ในปี 2566 ต่ำกว่า 28% (ไม่เปลี่ยนแปลง YoY) สะท้อนถึงต้นทุนค่าสาธารณูปโภคระดับสูงในปี 2566 โดยมีแนวโน้ม upside ในกรณีที่ต้นทุนค่าสาธารณูปโภคลดลงใน 2H66 ด้วยยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น CRC จึงตั้งเป้า EBITDA เติบโต 18-20%
ตั้งเป้าหมาย 5 ปีเชิงรุก ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) CRC ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 2.5 เท่า และ EBITDA เติบโต 3.5 เท่า โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.5 แสนลบ. บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าและพื้นที่เป็นสองเท่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทาง omnichannel ต่อยอดขายรวมสู่ระดับที่สูงกว่า 20% (เทียบกับ 18% ในปี 2565)
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น