IVL
PDF Available  
Company Update

IVL – 3Q67: กำไรสุทธิสูงกว่าตลาดคาด – NEUTRAL (ราคาเป้าหมาย 26 บาท)

By ชัยพัชร ธนวัฒโน|12 Nov 24 9:15 AM
สรุปสาระสำคัญ

IVL รายงานกำไรสุทธิ 1.5 พันลบ. ใน 3Q67 สูงกว่าตลาดคาด และฟื้นตัวจากที่มีขาดทุนสุทธิจำนวนมากถึง 2.3 หมื่นลบ. ใน 2Q67 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ หากไม่รวมขาดทุนจากสินค้าคงคลังจำนวน US$38 ล้าน และรายการพิเศษอื่นๆ กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นมากถึง 145% QoQ สู่ 3 พันลบ. โดยเกิดจากกำไรที่สูงขึ้นของธุรกิจ combined PET และ intermediate chemicals และธุรกิจ Fibers ในขณะที่กำไรของธุรกิจสารลดแรงตึงผิวภายใต้ Indovinya ยังคงแข็งแกร่ง (+4% QoQ)

ผลประกอบการ 9M67 ยังคงมีตัวเลขติดลบที่ 2.04 หมื่นลบ. เพราะได้รับผลกระทบจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่า เราคาดว่า IVL จะรายงานกำไรเพิ่มขึ้นใน 4Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากการประหยัดต้นทุน โดยเฉพาะธุรกิจ Fibers ในขณะที่ธุรกิจ PET และธุรกิจสารลดแรงตึงผิวจะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นตามปกติใน 4Q เราคงประมาณการการผลประกอบการปี 2567 ซึ่งรวมขาดทุนจากการด้อยค่าไว้แล้ว และคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ IVL โดยให้ราคาเป้าหมาย (ปี 2568) ที่ 26 บาท อ้างอิง PBV (ปี 2568) ที่ 1 เท่า หรือ -1SD

 

มาร์จิ้นของกลุ่มธุรกิจ CPET&IC1/ ปรับตัวดีขึ้น QoQ adjusted EBITDA ปรับตัวดีขึ้น 32% YoY และ 15% QoQ สู่ US$427 ล้าน เนื่องจาก adjusted EBITDA จากกลุ่มธุรกิจ CPET&IC (67% ของ adjusted EBITDA ทั้งหมด) เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 23% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจาก adjusted EBITDA/t ที่เพิ่มขึ้นสู่ US$103.4/ตัน (+22% YoY และ +27% QoQ) ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของ integrated PET เพิ่มขึ้น QoQ เพราะต้นทุนวัตถุดิบ (PX และ PTA) ลดลง และอุปสงค์ในอเมริกาเหนือและบราซิลเพิ่มขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งระดับสูงยังทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในตลาด EMEA กว้างขึ้น สูงกว่าตลาดเอเชียด้วย นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ CPET&IC ยังได้รับประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนคงที่ได้จำนวน US$17 ล้าน จากการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ด้วย

กำไรของกลุ่มธุรกิจสารลดแรงตึงผิวยังแข็งแกร่ง adjusted EBITDA ของ Indovinya (กลุ่มธุรกิจสารลดแรงตึงผิว) ซึ่งคิดเป็น 24% ของ adjusted EBITDA ทั้งหมดใน 3Q67 เพิ่มขึ้น 93% YoY และ 4% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจ crop solution และธุรกิจ coating and construction adjusted EBITDA/t อ่อนตัวลง 4% QoQ มาอยู่ที่ US$294/ตัน แม้ว่ายังคงเพิ่มขึ้น 76% YoY ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาร์จิ้นที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับ adjusted EBITDA/t โดยรวมของ IVL ที่ US$103/ตัน ใน 3Q67 ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 3% QoQ

กลุ่มธุรกิจ Fibers ปรับตัวดีขึ้น QoQ adjusted EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Fibers ปรับตัวดีขึ้น 44% YoY และ 22% QoQ โดยได้แรงหนุนจากกลุ่ม lifestyle ซึ่งสะท้อนถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นในกลุ่ม lifestyle ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม mobility และ hygiene นอกจากนี้ต้นทุนคงที่ที่ลดลงในทุกกลุ่มตลาดยังช่วยหนุนให้ adjusted EBITDA/t ของกลุ่มธุรกิจ Fibers ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย (+49% YoY และ +21% QoQ) adjusted EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Fibers คิดเป็นสัดส่วน 11% ของ adjusted EBITDA ทั้งหมด

คาดกำไรเพิ่มขึ้นใน 4Q67 เราคาดว่า IVL จะรายงานกำไรเพิ่มขึ้นใน 4Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นในกลุ่ม lifestyle ของกลุ่มธุรกิจ Fibers และประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนคงที่จากโรงงานที่ปิดตัวลง IVL ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนคงที่ได้แล้ว US$19 ล้านใน 3Q67 จากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น US$30 ล้านใน 4Q67 กลุ่มธุรกิจ combined PET จะได้รับประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นใน 4Q67 แม้ว่าอุปสงค์จะอ่อนตัวลงในช่วง off-peak นอกจากนี้ความต้องการผลิตภัณฑ์ในธุรกิจ crop solution ของ Indovinya ยังจะได้รับผลกระทบจากช่วงโลว์ซีซั่นทางการเกษตรใน 4Q ด้วย ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการระบายสต๊อกของอุตสาหกรรมสิ้นสุดลงแล้ว

 

คงประมาณการผลประกอบการและราคาเป้าหมาย ประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2567 ที่ 1.83 หมื่นลบ. ของเรารวมเอาขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวนมากที่เกิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์เข้ามาแล้ว ขาดทุนสุทธิ 9M67 ที่ 2.04 หมื่นลบ. บ่งชี้ว่ากำไร 4Q67 จะอยู่ที่ 2.1 พันลบ. ซึ่งเราเชื่อว่า IVL จะสามารถทำได้ เรายังคงประมาณการผลประกอบการของ IVL ไว้เหมือนเดิม นอกจากนี้เรายังคงราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี PBV ไว้ที่ 26 บาท โดยอิงกับ PBV (ปี 2568) ที่ 1 เท่า หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี

 

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) อุปสงค์ที่อ่อนแอลง 2) การเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ใหม่ได้น้อยกว่าคาด และ 3) การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียน

 

 

Stocks Mentioned
IVL.BK
Author
Slide12
ชัยพัชร ธนวัฒโน

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

Most Read
Related Articles
Most Read