เราคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q67 ของ PTT (ประกาศ 13 พ.ย.) จะปรับตัวลดลงแรง ลบ. 47% YoY และ 53% QoQ สู่ 1.67 หมื่น โดยมีสาเหตุมาจากขาดทุนจากธุรกิจ P&R* ซึ่งเป็นผลมาจากขาดทุนสต๊อกจำนวนมากและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ระดับต่ำ นอกจากนี้กำไรที่ลดลงของธุรกิจ E&P และธุรกิจก๊าซก็จะฉุดรั้งกำไรด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั้งสองธุรกิจนี้จะยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไร 3Q67 เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 4Q67 โดยได้แรงหนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ E&P และธุรกิจก๊าซ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นของธุรกิจ P&R และธุรกิจการตลาดน้ำมัน ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 3Q67 น่าจะสะท้อนในราคาหุ้นไปมากพอสมควรแล้วในมุมมองของเรา เนื่องจากราคาหุ้น PTT ปรับตัว underperform SET อยู่ 7% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง โดยซื้อขายที่ PBV (ปี 2568) ระดับ 0.8 เท่า และ P/E 8.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 1.3 เท่า และ 14.6 เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.3% ถือว่าน่าสนใจ เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ PTT โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี sum-of-the-parts ที่ 41 บาท
คาดผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวังของธุรกิจ P&R และการตลาดน้ำมันสร้างแรงกดดันต่อกำไร 3Q67 ราคาน้ำมันที่ลดลงใน 3Q67 ส่งผลทำให้บริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจ P&R มีขาดทุนจากสินค้าคงเหลือจำนวนมาก เมื่อรวมกับ market GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีระดับต่ำ เราจึงคาดว่า EBITDA ของธุรกิจ P&R จะพลิกเป็นขาดทุนใน 3Q67 เทียบกับ EBITDA ที่เป็นบวก 1.95 หมื่นลบ. ใน 2Q67 ผลการดำเนินงานของธุรกิจการตลาดน้ำมันก็น่าผิดหวังเช่นกัน แม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (+1% QoQ) กำไรของธุรกิจน้ำมันได้รับผลกระทบจากกำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ลดลง (อยู่ที่เพียง 0.54 บาท/ลิตร เทียบกับระดับปกติที่ 0.7-1.2 บาท/ลิตร) ซึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบเชิงลบจากขาดทุนสินค้าคงเหลือ และค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวข้องกับการยุติแฟรนไชส์ของกลุ่มธุรกิจ F&B
กำไรของธุรกิจ E&P และก๊าซจะอ่อนตัวลง QoQ ปริมาณการขายก๊าซคาดว่าจะลดลง 7% YoY และ 11% QoQ สู่ 4,285mmcfd โดยเกิดจากความต้องการใช้ก๊าซที่ลดลงจากกลุ่มโรงไฟฟ้า (-12% YoY, -17% QoQ) จากผลกระทบฤดูกาลและการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มมากขึ้น ปริมาณการขายของธุรกิจโรงแยกก๊าซ (GSP) ก็ลดลง 3% YoY และ 2% QoQ มาอยู่ที่ 1.75 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานก๊าซจากอ่าวไทยที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซหลายแห่งซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ E&P ด้วยเช่นกัน โดยลดลง 18% YoY และ 25% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรของธุรกิจก๊าซและธุรกิจ E&P จะช่วยสนับสนุนกำไรปกติใน 3Q67 มากที่สุด โดยจะช่วยชดเชยขาดทุนจากธุรกิจ P&R และธุรกิจการตลาดน้ำมัน
กำไรจากการดำเนินงาน 4Q67 จะฟื้นตัว QoQ เพราะกำไรจากธุรกิจ E&P จะปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจ E&P จะยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรใน 4Q67 หลังจากมีการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซในอ่าวไทยตามแผน ซึ่งก็จะช่วยสนับสนุนแผนการดำเนินงานของธุรกิจ GSP ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เรายังคาดการณ์ถึง market GRM ที่สูงขึ้นสำหรับธุรกิจ P&R ใน 4Q67 โดยได้แรงหนุนจาก crack spread ของผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง และขาดทุนสต็อกที่ลดลง
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์พลังงานและปิโตรเคมีของ PTT ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้มีขาดทุนสต๊อกมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การด้อยค่าของสินทรัพย์ ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลแทรกแซงธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด