RJH รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 เป็นไปตามตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 29%QoQ และ 20%YoY แรงหนุนจากเข้าสู่ High Season อีกทั้งมีการแพร่ระบาดหนักของไข้หวัดใหญ่ทำให้มีจำนวนคนไข้ทั่วไปเพิ่มขึ้น และยังมีการปรับเพิ่มขึ้นค่าเหมาจ่ายต่อหัวของประกันสังคม ส่วน 4Q66 คาดกำไรอ่อนตัว QoQ ตามผลฤดูกาลแต่ยังเติบโตเด่น YoY จากฐานปีก่อนต่ำและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงยังทำให้มีคนไข้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เรายังคงเรทติ้ง Neutral หลังราคาหุ้นมี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 28 บาท และมองระยะสั้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นและกำไรฟื้นตัวยังไม่เด่นจูงใจต่อการลงทุน โดยปี 2567 คาดกำไรเติบโตเพียง 2%YoY
3Q66 กำไรตามตลาดคาด RJH รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 อยู่ที่ 121 ลบ. เป็นไปตามตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 28.6%QoQ ตามผลฤดูกาล (ปกติไตรมาส 3 เป็น High Season) และเพิ่มขึ้น 19.8%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ค่ารักษารวมที่เพิ่มขึ้น 13.8%QoQ และ 4.9%YoY ทั้งนี้หากไม่รวมบริการที่เกี่ยวกับ COVID-19 ซึ่งบันทึกใน 3Q65 ราว 77 ลบ. และใน 3Q66 ราว 5 ลบ. จะพบว่า รายได้คนไข้ทั่วไปเติบโต 19%QoQ และ 17%YoY ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่รายได้ประกันสังคมเติบโต 7%QoQ และ 23%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากตั้งแต่ 1 พ.ค. 66 มีการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวของคนไข้ประกันสังคมเป็น 1,808 บาท/คน/ปี เพิ่มขึ้น 10.2%YoY และมีค่ารักษาเฉลี่ยต่อหัวที่เพิ่มขึ้นจากมีเคสการผ่าตัดซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น
ศักยภาพทำกำไรดีขึ้นในรอบ 5 ไตรมาส การแพร่ระบาดหนักของโรคไข้หวัดใหญ่ทำให้มีจำนวนคนไข้ทั่วไปมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมาก สะท้อนได้จาก 3Q66 RJH มีจำนวนคนไข้นอก (OPD) เพิ่มขึ้น 7%QoQ และ 13%YoY ส่วนจำนวนคนไข้ใน (IPD) เพิ่มขึ้น 29%QoQ และ 43%YoY เมื่อบวกกับ การปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายประกันสังคม อีกทั้งบริษัทยังคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างเข้มงวด จึงทำให้เกิดผลประหยัดต่อขนาด หนุนให้ 3Q66 มีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้นเป็น 32.1% และ 19.5% ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นศักยภาพการทำกำไรที่ดีสุดของปีนี้และสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ผ่านมา
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 แม้ 4Q66 กำไรจะอ่อนตัวลง QoQ ตามผลฤดูกาล แต่คาดจะยังโตเด่น YoY จากมีฐานกำไรที่ต่ำมากใน 4Q65 อีกทั้งปีนี้ประชาชนออกมาดำเนินกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้นภายใต้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ยังมีคนไข้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มต่อเนื่อง (ต.ค. มีรายได้คนไข้ทั่วไปเติบโต 10%YoY) รวมทั้งยังมีการเติบโตของค่ารักษาเฉลี่ยต่อหัวทั้งกลุ่มคนไข้ทั่วไปและผู้ประกันตน ซึ่งเมื่อบวกกับ กำไร 9M66 คิดเป็น 79% ของประมาณการซึ่งสูงเกินไป เราจึงปรับเพิ่มประมาณการปี 2566 จากเดิมราว 5% แต่ยังคงประมาณการตั้งแต่ปี 2567 โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2566 RJH จะมีกำไรสุทธิ 422 ลบ. หดตัว 59%YoY เนื่องจากไม่มีการรับรู้รายได้เกี่ยวกับบริการ COVID-19 อย่างมีนัยฯ เช่นปี 2565 ราว 1.3 พันลบ. (แต่ปี 2566 คาดกำไรสุทธิยังเติบโต 23% หากเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโรค COVID-19 แพร่ระบาดในไทย)
คงเรทติ้ง Neutral เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่หุ้นละ 28 บาท โดยอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.0% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 1.0%) และยังคงเรทติ้ง Neutral สำหรับ RJH เนื่องจากมองว่าระยะสั้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานยังไม่ได้โดดเด่นจูงใจต่อการลงทุน โดยปี 2567 คาดกำไรปกติจะเติบโตเพียง 2%YoY หลังจะต้องรับรู้ต้นทุนค่าใช้จ่ายจาก รพ. เปิดใหม่ อาทิ รพ. ให้บริการรังสีรักษาบำบัดรักษาโรคมะเร็ง (ถือหุ้น 60%) ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการ 1 ธ.ค. 66 และ รพ. แห่งใหม่ที่หนองแค จ.สระบุรี (ถือหุ้น 76%) กำหนดเปิดให้บริการใน 2H67
ปัจจัยเสี่ยง การเปลี่ยนนโยบายจ่ายค่ารักษาของโครงการประกันสังคม การขาดแคลนบุคลากร และภาระต้นทุนของโรงพยาบาลใหม่
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม RJH231108_T