ราคาหุ้น TU ปรับตัวลดลง และ underperform SET อยู่ 5% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 12.7 เท่า (-1S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี) สะท้อนความกังวลของตลาดเกี่ยวกับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่อ่อนแอใน 1Q67 เรามองว่าตลาดมีความกังวลมากเกินไป เนื่องจาก: 1) กำไรปกติ 1Q67 ที่เราประเมินได้อยู่ที่ 922 ลบ. +15% YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นนำโดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง แต่ -25% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล; 2) โมเมนตัมกำไร 2Q67 จะแข็งแกร่งขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY นำโดยธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster; 3) โครงการซื้อหุ้นคืนจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TU โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 18 บาท อ้างอิง PE 16 เท่า (PE เฉลี่ย 10 ปี) ปัจจัยกระตุ้น#1: กำไรปกติ 1Q67 จะเติบโต YoY เราคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q67 ที่ 902 ลบ. -11% YoY แต่เพิ่มขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 1.72 หมื่นลบ. ใน 4Q66 หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ลบ. ออกไป กำไรปกติ 1Q67 จะอยู่ที่ 922 ลบ. +15% YoY แต่ -25% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY คือ: 1) ยอดขายที่ดีขึ้น (+2% YoY) จากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (+15% YoY) และยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป (เพิ่มขึ้นในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY) ที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น ซึ่งมากเกินพอชดเชยยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งที่ลดลง (-10% YoY; 5% YoY จากการลดขนาดธุรกิจที่มีมาร์จิ้นต่ำในสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ 2Q66 และ -5% YoY จากอุปสงค์ที่อ่อนแอลงในสหรัฐฯ); 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นสู่ 16.9% (+180bps YoY) เนื่องจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น จะช่วยชดเชยมาร์จิ้นที่อ่อนแอลงที่ธุรกิจอาหารทะแลแปรรูปจากราคาสินค้ารับจ้างผลิต (OEM) ที่อยู่ในระดับต่ำสอดคล้องกับระดับราคา spot ปลาทูน่า ท่ามกลางต้นทุนสต๊อกปลาทูน่าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ TU จะไม่มีการบันทึกผลการดำเนินงานจาก Red Lobster ใน 1Q67 (เทียบกับกำไร 272 ลบ. ใน 1Q66; ส่วนแบ่งกำไร 20 ลบ. และเครดิตภาษี 252 ลบ.) หลังจากบริษัทปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน Red Lobster เป็นศูนย์เมื่อสิ้น 4Q66 โดย TU จะประกาศผลประกอบการวันที่ 8 พ.ค. ปัจจัยกระตุ้น#2: กำไร 2Q67 จะแข็งแกร่งขึ้น เราคาดว่ากำไรปกติใน 2Q67 จะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีขึ้นและไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster ทั้งนี้หลังจากราคาปรับตัวลดลงสู่ US$1,517/ตัน ใน 4Q66 (-9% YoY, -16% QoQ) การจับปลาได้ดีขึ้นส่งผลทำให้ราคา spot ปลาทูน่าท้องแถบปรับตัวลดลงอีกสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ US$1,350/ตัน ในเดือนม.ค.-ก.พ. (-26% YoY, -11% QoQ) โดย TU คาดว่าราคา spot ปลาทูน่าท้องแถบจะทำจุดต่ำสุด จากนั้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยใกล้เคียงกับ US$1,700/ตัน ในปี 2567 สำหรับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ด้วยต้นทุนปลาทูน่าที่แท้จริงที่ลดลง (ตามหลังราคา spot ราว 3-6 เดือน) ท่ามกลางราคาผลิตภัณฑ์ทูน่าประเภทรับจ้างผลิต (OEM) ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ยอดขายและมาร์จิ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยอดขายและมาร์จิ้นจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการมียอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้น สูงเพิ่มมากขึ้นหลังจากบริษัทปรับส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ TU จะไม่มีการบันทึกผลการดำเนินงานจาก Red Lobster ใน 2Q67 (เทียบกับ -55 ลบ. ใน 2Q66; ส่วนแบ่งกำไร -189 ลบ. และเครดิตภาษี 134 ลบ.) ปัจจัยกระตุ้น#3: โครงการซื้อหุ้นจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง คณะกรรมการของ TU มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ถึงวันที่ 30 มิ.ย. จำนวนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (4.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ในวงเงินไม่เกิน 3.6 พันลบ. นับถึงปัจจุบัน บริษัทซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 85.71 ล้านหุ้น (43% ของจำนวนหุ้นที่ตั้งเป้าซื้อคืน) ที่ต้นทุน 1.24 พันลบ. คิดเป็นต้นทุนซื้อคืนเฉลี่ย 14.4 บาท/หุ้น (ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ 1%) โดยบริษัทยังคงเหลือหุ้นอีก 114 ล้านหุ้นที่สามารถซื้อคืนซึ่งจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: แรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการแข็งค่าของเงินบาท ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการพลังงาน ของเสีย และน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่ยังยืน (E) นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน (S) ดาวน์โหลดลิ้งอ่านบทวิเคราะห์ได้ที่นี่ TU_HighConviction240401_T Click ดาวน์โหลด Info TU - 20240401
| |||||||||||