Stock Note

INVX Stock Note – KLINIQ 29/02/2024

29 Feb 24 9:00 AM
THUMNAIL-22-(3)-20240912001453

ก่อนไปคิดอะไร

บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2567 อย่างไร หลัง 4Q66 ทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 78 ลบ. เติบโต 10%QoQ ตามผลฤดูกาล และเติบโต 28%YoY ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากยอดขายรวมที่เติบโต 31%YoY หลังการเพิ่มบริการใหม่ๆ ทำให้ยอดขายสาขาเดิมโตเด่น 9%YoY อีกทั้งยังรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น 15 แห่งจาก 4Q65 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็น 53.0% จาก 56.0% ใน 4Q65 เพราะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์ศัลยกรรมและ L.A.B.X ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่า The Klinique แต่ยังถูกชดเชยด้วย SG&A/Sales ซึ่งอยู่ที่ 40.7% ลดลงจาก 41.1% ใน 4Q65 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดจากมีสาขามากขึ้น หนุนให้ปี 2566 KLINIQ มีกำไรสุทธิ 289 ลบ. เติบโต 40.5%YoY ตรงกับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 290 ลบ.

หลังไปได้อะไร

KLINIQ ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ที่ 3 พันลบ. เติบโตราว 30%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนจะมาจาก 1) การขยายสาขาเชิงรุกปีนี้ 15 แห่ง (จากเดิมที่ขยายสาขาปีละ 10 แห่ง) เพื่อจะได้ครอบคลุมลูกค้าทุกเพศทุกวัย โดยจะเน้นขยายสาขาไปหัวเมืองรองที่มีกำลังซื้อดี ภายใต้แบรนด์ทั้ง The Klinique และ A.B.X ซึ่งล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลนครสวรรค์ โดยคาดสิ้นปี 2567 จะมีสาขารวม 70 แห่ง เพิ่มจาก 55 แห่งในปี 2566 และมีสาขาครบ 100 แห่งภายในปี 2570 และ 2) ยอดขายสาขาเดิมคาดโต 10%YoY จากความต้องการดูแลตัวเองของลูกค้าเดิมที่เพิ่มขึ้น การหาลูกค้าใหม่ทั้งไทยและต่างชาติ (อาทิ จีน และ CLMV) รวมทั้งเพิ่มบริการใหม่ๆ ทั้งนี้ตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 500 ลบ. ซึ่งแหล่งเงินทุนหลักจะมาจาก CFO ที่ทำได้ปีละ 400 ลบ.และเงิน IPO ที่เหลืออยู่อีกราว 1 พันลบ.

ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน

เรายังคงมุมมองบวกต่อ KLINIQ โดยปี 2567 คาดมีกำไรสุทธิ 360 ลบ. เติบโตต่อเนื่องอีก 24.6%YoY ตามประมาณการเดิม ปัจจัยหนุนจากความต้องการดูแลตัวเองของลูกค้าที่มีมากขึ้น การมีบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ได้เพิ่มขึ้น และการรับรู้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากขยายสาขาเชิงรุก อีกทั้งผลการดำเนินงานของศูนย์ศัลยกรรมคาดจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลังมีกระแสตอบรับที่ดีจนทำให้ 4Q66 พลิกมีกำไรแล้ว 1-2 ลบ. ขณะที่ 1Q67 คาดจะยังเดินหน้าสร้างสถิติกำไรสูงสุดต่อเนื่อง

KLINIQ เป็นหนึ่งในผู้นำคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามของไทย ซึ่งคาดกำไรจะเติบโตได้ดีในระยะยาว หลังผู้บริโภคดูแลสุขภาพและภาพลักษณ์มากขึ้นในทุกเพศทุกวัย อีกทั้งทั่วโลกเข้าสู่สังคมสูงวัยและไทยมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ทำให้อุปสงค์มีแนวโน้มเติบโตทั้งตลาดลูกค้าไทยและต่างชาติ นอกจากนี้การมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงบนซึ่งเน้นมาตรฐานให้บริการเป็นสำคัญ ยังทำให้มีศักยภาพเติบโตได้ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน ทั้งนี้เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ด้วยวิธี DCF (อิง WACC ที่ 7.9% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%) อยู่ที่หุ้นละ 49 บาท และมีเงินปันผลจ่ายจากกำไร 2H66 หุ้นละ 0.75 บาท (10 เม.ย.) คิดเป็น Yield 1.8% ซึ่งหากรวมกับเงินปันผลที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.55 บาท จะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2566 รวมหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็น Div. Yield ปีละ 3.1%

ความเสี่ยงสำคัญ คือ มีภาวะการแข่งขันในธุรกิจมีสูง, พฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีการรักษาดูแลความงามเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลการรักษาของผู้มาใช้บริการ (S) รวมทั้งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นของบริษัทเกิน 50% (G)

                                                                                                   
                                                                                                  ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  KLINIQ_Stock Note 240229_T
                                                                                                  Most Read
                                                                                                  1/5
                                                                                                  Related Articles
                                                                                                  Most Read
                                                                                                  1/5