Stock Note

INVX Stock Note – NER 29/02/2024

29 Feb 24 9:00 AM
THUMNAIL-24-(8)-20240911155301

ก่อนไปคิดอะไร

บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2567 อย่างไร หลัง 4Q66 NER มีกำไรสุทธิ 462 ลบ. เติบโต 47.9%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 4%QoQ หลังมีปริมาณขายยาง 1.27 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 13.5%QoQ (มีเลื่อนส่งมอบยางจากจีนมาจาก 3Q66) และราคาขายเฉลี่ยที่ 51.78 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 3.4%QoQ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 11.3% จาก 10.9% ใน 3Q66 หลังมีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 35% จาก 28% ใน 3Q66 ส่วนกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 25.5%YoY เกิดจากคุมค่าใช้จ่ายได้ดี จึงทำให้ปี 2566 NER มีกำไรสุทธิ 1,546 ลบ. หดตัว 11.6%YoY แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ มีกำไรปกติ 1,582 ลบ. หดตัว 14.3%YoY ใกล้เคียงเราคาดที่ 1,532 ลบ. ทั้งนี้บริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2566 หุ้นละ 0.29 บาท (XD 22 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4.9%

หลังไปได้อะไร

NER ตั้งเป้าปี 2567 มียอดขายเพิ่มขึ้น 5-10%YoY ปัจจัยหนุนจากคาดมีปริมาณขายยางพารา 5.1 แสนตัน เพิ่มขึ้นจาก 4.97 แสนตันในปี 2566 (+2.6%YoY) จากความต้องการยางรถยนต์ โดยเฉพาะรถ EV ในจีนที่ดีต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในไทย จีน สิงคโปร์ และอินเดีย ส่วนราคาขายยางเฉลี่ยคาดปรับขึ้น YoY โดย 1H67 มีโอกาสราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 บาทต่อกก. จากปกติเข้าสู่พีคราคายางในปลาย Q1-ต้น Q2 ขณะที่ 2H67 เป็นไปได้ที่ราคายางจะปรับลงซึ่งยังต้องติดตาม ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้นจากปี 2566 หลังราคาขายยางสูงขึ้น

บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังผลิตจากปัจจุบัน 156 แสนตัน เป็น 8.18 แสนตัน โดยปีนี้จะกลับมาเตรียมก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 มีกำลังการผลิต 302,400 ตัน ซึ่งเฟสแรกจะมีกำลังผลิต 1.728 แสนตัน ซึ่งคาดจะสร้างเสร็จปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 ส่วนเฟสสอง (เพิ่มเครื่องจักร) มีกำลังการผลิต 1.296 แสนตัน ซึ่งคาดจะสร้างเสร็จได้ในปี 2569 ทั้งนี้ตั้งงบลงทุนสำหรับขยายกำลังผลิตไว้ราว 1,485 ลบ. แหล่งเงินทุนจะมาจากเงินสดในกิจการ

ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน

ตั้งแต่ต้นปีราคายางแท่งและยางแผ่นรมควันของไทยปรับขึ้น 13%YTD และ 25%YTD ซึ่งนอกจากเกิดจากผลฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงปิดกรีดยางแล้ว ตลาดยังกังวลภาวะเอลนีโญจะกระทบอุปทานยางตึงตัว ซึ่งการปรับขึ้นของราคายางดังกล่าวแรงเกินคาด ทำให้มอง 1H67 NER จะมีกำไรเติบโต YoY (ภายใต้ปริมาณขายยางที่ทรงตัว) เพื่อสะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เราจึงปรับเพิ่มประมาณการ โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NER มีกำไรปกติ 1,754 ลบ. เพิ่มขึ้น 13.5%YoY

ราคาหุ้น NER ปรับขึ้น 19%YTD ซึ่งมองสะท้อนความคาดหวังผลการดำเนินงาน 1H67 ที่จะเติบโตดี YoY ตามราคาขายยางที่ปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว ขณะที่มีความเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ 1) ปกติอุปทานยางจะเพิ่มเข้ามาในฤดูกรีดยางในไตรมาส 2 (ตั้งแต่ พ.ค.) ซึ่งจะกดดันให้ราคายางเริ่มพลิกติดลบตั้งแต่ เม.ย. และ 2) อุปสงค์ยางรถยนต์ในตลาดโลก ซึ่งปีนี้ตลาดคาดยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะเติบโตชะลอตัวราว 2-3% จากเศรษฐกิจที่ซบเซา อีกทั้งเมื่อเราประเมินราคาเป้าหมายใหม่ปี 2567 อยู่ที่หุ้นละ 5.70 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) พบว่าไม่มี Upside จูงใจ ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นจึงแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยแนะนำ “หาจังหวะขายทำกำไรไปก่อน” ในช่วงที่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรง ทั้งนี้ทางเทคนิคมีแนวต้านกรอบบนที่ 6.00 และ 6.50 บาท

ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง

                                                                                                 
                                                                                                ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  NER_Stock Note 240229_T
                                                                                                Most Read
                                                                                                1/5
                                                                                                Related Articles
                                                                                                Most Read
                                                                                                1/5