ก่อนไปคิดอะไร ผลการดำเนินงาน 4Q66 และเป้าหมายการเติบโตของปี 2567 จะเป็นอย่างไร หลังผ่านพ้นปี 2566 และกำลังเริ่มก้าวเข้าสู่ปี 2567 แล้ว หลังไปได้อะไร ผู้บริหาร TNP คาด 4Q66 ยอดขายรวมเติบโต YoY แรงหนุนจากรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น 4 แห่งจาก 4Q65 โดย 4Q66 เปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในจังหวัดเชียงราย คือ อ. เมือง ขนาด 1,000 ตร.ม. ใกล้แหล่งท่องเที่ยว 1 แห่ง และ อ. เวียงป่าเป้า ขนาด 300 ตร.ม. ซึ่งทำให้สิ้นปี 66 มีสาขารวม 46 แห่ง เพิ่มจากปีก่อนที่มี 42 แห่ง ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมมีแนวโน้มทรงตัว YoY เนื่องจากเดือน ต.ค. ยอดขายสาขาเดิมยังติดลบ เพราะมีฐานสูงปี 65 จากมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 แต่คาดถูกชดเชยได้ด้วยยอดขายสาขาเดิม พ.ย.-ธ.ค. ที่ปรับตัวดีขึ้นหลังเข้าสู่ฐานปกติ อีกทั้งการจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวปลายปีกลับมาดีขึ้น สำหรับปี 2567 TNP ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15%YoY จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิม หลังมีแผนหาสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงมาจำหน่ายในร้านค้าเพิ่ม และตั้งเป้าขยายสาขาใหม่อีก 6 แห่ง (ปัจจุบันมีทิ่ดินแน่นอนแล้ว 2 แห่ง และที่เหลือกำลังหาทำเลที่เหมาะสม) ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ แจกเงินดิจิทัล คาดจะเห็นเป็นรูปธรรมใน 2H67 โดยมองจะส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรง ทั้งนี้ TNP มีสาขากระจายครอบคลุมภาคเหนือตอนบน ซึ่งคาดลูกค้าจะสะดวกและสามารถเข้ามาใช้เงินดิจิทัลได้ในทุกสาขา ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน 4Q66 TNP จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี 2566 โดยคาดมีกำไรสุทธิ 41 ลบ. โต 22.5%QoQ ตามผลฤดูกาล แต่จะทรงตัว YoY เนื่องจากคาดการรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4 แห่ง จะถูกหักล้างบางส่วนด้วยยอดขายสาขาเดิมที่ทรงตัว YoY หลังมีฐานสูงปีก่อน (ต.ค. 65 ยังได้อานิสงส์บวกจากคนละครึ่งเฟส 5) จึงคาดยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเพียง 6.6%YoY อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลงเป็น 16.6% จาก 17.3% ใน 4Q65 เพราะบริษัทยังไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังราคาขายสินค้าได้หมด อย่างไรก็ดีทั้งปี 2566 คาด TNP จะมีกำไรสุทธิ 149 ลบ. ทรงตัว YoY ตามประมาณการเดิม และจะพลิกเติบโต 6%YoY ในปี 2567 จากกำลังซื้อที่ดีขึ้นและการรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีแผนเปิดต่อเนื่องอีก 6 แห่ง เรามองปี 2567 ผลการดำเนินงานของ TNP มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และยังเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกโดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลที่จะทยอยออกมา (ในประมาณการของเรายังไม่รวม Upside จากมาตรการแจกเงินดิจิทัล) เมื่อบวกกับ การมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้น 3Q66 ไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายและมีฐานะเงินสดสุทธิราว 69 ลบ. อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside น่าสนใจจากราคาเป้าหมายปี 2567 ที่หุ้นละ 20 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 21x) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “หาจังหวะซื้อลงทุน” ทั้งนี้เชิงเทคนิคมีแนวรับ 2.94-2.86 บาท และ แนวต้าน 3.08-3.14 บาท ความเสี่ยงสำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อแย่กว่าคาด, แผนขยายสาขาต่ำกว่าคาด ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลการรักษาของลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมทั้งการมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นของบริษัทเกิน 50% |
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TNP_Stock Note 240103_T (1) |